เรื่องนี้ส่งมาจากคุณมิ้นครับ คุณมิ้นเล่าว่า.. ตอนเราอยู่ปี 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ เราเป็นลีดคณะ ต้องโชว์ในวันงานกีฬาของมหาวิทยาลัย ลีดมีกัน 15 คน และมีรุ่นพี่คุมซ้อม 1 คน ปกติพวกเราจะซ้อมกันที่ตึกคณะในช่วงเริ่มต้นต่อท่ากัน พอเริ่มเข้าช่วงที่ต้องต่อตัว หรือมีท่ายากๆ ก็จะเปลี่ยนที่ซ้อมไปเป็นสนามของมหาวิทยาลัย

มีช่วงหนึ่ง รุ่นพี่ผู้ชายที่คุมซ้อมเขารับงานเสริม ไปสอนลีดให้โรงเรียนรองประจำจังหวัด พวกเราก็เลยต้องย้ายตามไปซ้อมกันที่โรงเรียนที่ว่า และช่วงเวลาในการซ้อมของพวกเรา ก็จะกลายเป็นช่วงค่ำไปจนถึงดึก บางทีกลับตี 1 ตี 2 ก็มี แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นที่โรงเรียนนี้นี่ล่ะค่ะ

พวกเราต้องไปซ้อมกันที่โรงเรียนดังกล่าวหลายวัน จนกว่าน้องๆ ของโรงเรียนนั้นจะได้แสดงจริงในวันกีฬาสี.. คืนหนึ่งที่เราไปซ้อมเป็นคืนวันโกน เวลาประมาณเกือบๆ เที่ยงคืนได้ ช่วงที่กำลังพักจากการซ้อม พวกเราก็จะเอาลูกวอลเล่บอลมาตีเล่นกันตรงสนามที่ซ้อม เล่นกันจนหิวน้ำ เลยเดินมาที่สแตนเชียร์ที่พวกเราวางของกันไว้ แล้วเราก็ไปเห็นเพื่อนเราคนหน่ึงชื่ออ้อยกำลังนั่งอยู่ แต่นั่งหันหลังให้สนาม และเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสวดมนต์พึมพำ เราก็ถามว่าเป็นอะไร? อ้อยก็สะดุ้ง หันมาด้วยสีหน้าซีดเซียว และบอกว่า ‘เมื่อกี้กูมองไปที่หลังคาโรงเรียนฝั่งตรงข้าม เห็นมีคนนั่งห้อยขาอยู่เต็มไปหมด แต่พอมองดีๆ พวกเขาใส่เหมือนชุดไทยสมัยก่อน ซึ่งไม่น่าจะใช่คนแน่ๆ เพราะใครมันจะไปนั่งบนหลังคาสูงขนาดนั้น กูเลยไม่กล้ามอง..’ คือทุกคนจะรู้กันว่าอ้อยเป็นคนมีเซ้นส์ และสิ่งที่อ้อยพูดมาก็ทำเอาขนลุกไปตามๆ กันเลยค่ะ

จากนั้นพวกเราต่างก็รีบเก็บของกลับกันเดี๋ยวนั้นเลย แล้วระหว่างที่พวกเราขี่รถกำลังออกไปจะพ้นประตูโรงเรียน เพื่อนตุ๊ดคนหนึ่งที่ตามมาสุดท้าย ก็หยุดรถที่หอพระตรงทางออก แล้วร้องกรี๊ดลั่น ตะโกนไล่โวยวาย และกระทืบเท้าเสียงดัง ซึ่งทุกคนต่างก็งง.. พอกลับมาถึงบ้าน เพื่อนตุ๊ดคนนั้นก็แชทมาในกลุ่มไลน์ เล่าให้ฟังว่า ‘มึง เมื่อกี้ผีมาซ้อนท้ายจะตามกลับ กูตกใจเลยไล่ลงตรงนั้น ดีนะที่ยอมลง..’ คือตอนนั้นจะขำก็ขำไม่ออก เพราะกลัวว่าจะมีใครตามกลับมาด้วยหรือเปล่า คือคืนนั้นเราไม่กล้านอนเลย กลัวมากๆ ..พอวันต่อมา พวกเราก็เลยต้องพากันเอาดอกไม้ธูปเทีบนไปขอขมาเจ้าที่ที่โรงเรียนนั้น และไปไหว้พระที่หอพระหน้าโรงเรียนกันทั้งหมด

Story by คุณมิ้น

ความคิดเห็น