พอดีแอดเข้าพันทิปแล้วได้ไปเจอกระทู้ที่เค้าเล่าประสบการณ์การเจอผีที่ต่างประเทศมา เลยคัดบางเรื่องที่แอดว่าใช้ได้อยู่มาให้อ่านกัน เริ่มเลยนะ..

เรื่องที่ 1 : คุณ ครีมโซดา
ตอนนั้นไปสิงคโปร์กับเพื่อนๆ หลายคน พักที่โรงแรมใจกลางออชาด มีเพื่อนได้พักห้องมุมเป็นห้อง 3 คน มีเสาหนึ่งต้นในห้องนอน เพื่อนทั้ง 3 คนที่ได้ห้องนี้เป็นผู้ชาย หลังจากเข้าห้องเก็บของอะไรเสร็จ เพื่อนก็ลงมาแล้วโชว์รูปที่เป็นรอยนิ้วมือ 5 นิ้วติดอยู่ที่เสาในห้องให้ดู ก็ยังไม่คิดอะไร.. พอตอนกลางคืนเพื่อนอาบน้ำ พอเปิดน้ำอุ่นกระจกจะขึ้นฝ้าใช่ไหมคะ เพื่อนมองเห็นรอยนิ้วมือแบบเดิมปรากฏที่กระจกห้องน้ำอีก เพื่อนก็ตกใจเลยลบๆ ออก

หลังจากผ่านคืนแรกไป ช่วงหัวค่ำวันที่ 2 เพื่อนพาเพื่อนผู้หญิงอีกคนมา ถือแซนด์วิชหมูเดินไปที่ห้อง แล้วใช้คีย์การ์ดเสียบเพื่อเปิดประตู มันก็ขึ้นไฟสีเขียวนะ แต่ประตูกลับเปิดไม่ออก เหมือนมีแรกดันกลับมาจากด้านใน พร้อมกับมีแรงเหมือนถีบประตูปิดดัง ‘ตึ้ง!!!!!’ สวนออกมาโดยที่ไม่มีใครอยู่ห้อง.. เพื่อนโทรมาหาพร้อมบอกว่าผีหลอกจะขอเปลี่ยนห้อง เพื่อนอีกคนลงไปขอฟร้อนท์เปลี่ยน ตอนแรกเค้าก็ไม่ยอม จนตื๊อๆ ได้เปลี่ยน พนักงานโรงแรมที่เป็นคนแขกเดินมาพร้อมเราไปช่วยขนของจากห้องเดิมเจ้าปัญหา ซึ่งการ์ดใบเดิมยังเสียบประตูไฟเขียวขึ้นอยู่แต่เปิดไม่ได้ พนังงานเค้าทำท่าสวดอะไรสักอย่าง แล้วถึงประตูเปิดออก.. พวกเรารีบช่วยกันเก็บของอย่างไว พนักงานบอกว่า ‘ไม่ต้องรีบๆ ฉันอยู่กับเธอนะ’ เราแบบ เหรอวะ!? หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นๆ ที่รู้ข่าวก็มานอนห้องเดียวกัน อัดกัน 10 กว่าคน อบอุ่นมาก กลับไทยเอาเลขห้องไปแทงหวยค่ะ เลขห้อง 3 ตัวพอดี บ่นกันลอยๆ ไหนๆ ก็ให้หลอกแล้ว ก็ให้โชคกลับหน่อยนะ สรุปถูกหวยยกแก๊งค์ค่ะ

เรื่องที่ 2 : คุณ millionways
เคยเช่าบ้านอยู่ที่ LA ครับ มีพี่ในบ้านบอกชอบเห็นเงาเด็กผู้หญิงผิวดำอยู่ในบ้านตอนกลางวัน เห็นหลายครั้งเลย แบบเห็นแวบๆ อะไรแบบนั้น.. มีวันหนึ่ง ผมนอนอยู่ในห้อง วันนั้นต้องตื่นเช้าไปทำงาน แต่นาฬิกามันไม่ปลุก แล้วเหมือนมีคนมาตบที่หน้าขาผม แปะๆๆ เหมือนจะปลุกให้ตื่นไปทำงาน พอผมลืมตามา ชัดเลย! ยืนอยู่ตรงหน้าเลย น่ารักเชียว ผิวสีดำ เป็นเด็ก แล้วแกก็เดินผ่านประตูออกไปโดยไม่ได้เปิดประตู..

เรื่องที่ 3 : คุณ lennon forever
ตอนเราย้ายมาอยู่ที่เมลเบิร์นใหม่ๆ ตอนนั้นบ้านยังไม่เสร็จดี เลยอาศัยบ้านพ่อแม่สามีอยู่ชั่วคราว ห้องเรากับสามีจะอยู่ริมสุดของบ้าน ส่วนห้องพ่อแม่สามีจะอยู่อีกด้าน มีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ปกติเราจะตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตี 1 ตี 2 ทุกคืน คืนนั้นก็ตื่นมาจะเข้าห้องน้ำตามปกติ เดินมาจะถึงห้องน้ำละ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินตาม ก็นึกว่าสามี เลยหันไปดู แต่ที่เห็นคือผู้หญิงแก่สวมชุดนอนกระโปรงแขนยาว เดินตามมาแล้วยิ้มให้ เราหยุดดูด้วยความอึ้ง แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ หายไปต่อหน้า.. ฉี่นี่เกือบราด วิ่งไปตั้งหลักในห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จก็นั่งทำใจอยู่เกือบ 15 นาที ถึงรีบเดินกลับเข้าห้อง ใจนึงก็กลัว แต่อีกใจนึงรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ เลยคิดว่าเค้าคงมาดี ภาพคุณยายคนนั้นติดตาเรามาก

วันสองวันต่อมา นั่งคุยกับแม่สามี แล้วแม่สามีก็เอาอัลบั้มรูปเก่าๆ มาให้ดู มีรูปคุณยาย ซึ่งก็คือแม่ของแม่สามี หน้าเหมือนคุณยายที่เราเห็นคืนนั้นมากๆ แต่ท้วมกว่า เรานี่อึ้งเลย พอเปิดมาอีกรูป เป็นคุณยายตอน 2 ปีก่อนเสีย คุณยายผอมลง และหน้าตาเหมือนที่เราเห็นคืนนั้นเป๊ะๆ ตอนนั้นรู้สึกอึ้ง ขนลุก แต่คิดในใจว่า ‘Nice to meet you..’ จะเล่าให้สามีฟัง ก็กลัวจะหาว่าไร้สาระ เพราะเค้าไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ หลังจากรู้ว่าเป็นคุณยายเราก็หายกลัว เพราะสามีชอบเล่าเรื่องคุณยายให้ฟัง ว่าท่านน่ารัก ใจดี และวัยรุ่นมากๆ ค่ะ

เรื่องที่ 4 : คุณ til the love runs out
เคยไปเที่ยวออสเตรเลียแล้วแวะเยี่ยมเพื่อนที่มันมาเรียนต่อเมลเบิร์น มันฝากกุมารทองกลับไทยด้วย ขอร้องให้เราเอาไปไว้ที่วัด กุมารนี้เป็นกุมารทรงคลาสสิคคือเป็นไม้แกะรูปเด็กแช่ในขวดน้ำมันเล็กๆ แม่เพื่อนแอบเอามาทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อนตอนมาเยี่ยม ประมาณว่าให้คุ้มครองดูแลลูก เหตุผลที่เพื่อนให้เราเอากลับ เพราะนักเรียนคนอื่นๆ ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันบอกว่าเจออะไรแปลกๆ หลอนกันมาก แต่ส่วนตัวเพื่อนไม่เคยเจอ ตัวมันเป็นคนแนวๆ มาทางสายวิทยาศาสตร์ มาเรียนต่อนี่ก็เรียนทางด้านพลังงานอะไรไม่รู้ พื้นฐานเพื่อนจึงไม่เชื่ออะไรแบบนี้อยู่แล้ว เราเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ว่าไม่ลบหลู่ แค่ไม่กลัว ก็เออชิลๆ รับฝากกลับ มันให้พักบ้านมันตั้งนานฝากแค่นี้เรื่องเล็ก รับกุมารมาก็ใส่ช่องซิบในกระเป๋าสะพาย แล้วลืมไปเลย คือที่ใส่กระเป๋าสะพายไว้นี่เพราะเรามักวางกระเป๋าไว้หัวนอน กลัวเอาไปไว้ที่อื่นผิดทิศผิดทางแล้วเป็นการลบหลู่กุมาร เป็นคนไม่ได้อินทางนี้ แต่ก็ขอทำดีๆ ไว้ก่อน ซึ่งเราไม่เคยเจอเรื่องแปลกๆ ผีๆ อะไรเลยระหว่างที่น้องกุมารอยู่ในกระเป๋า กลับมีแต่คนอื่นที่เจอหลอนๆ

ก่อนกลับเราไปเที่ยวซิดนีย์ ระหว่างเดินริมถนน อยู่ดีๆ มีผู้หญิงเอเชียหน้าแขกๆ คนนึงเดินสวนมา นางหันขวับมาจ้องหน้าเรา ทำตาเหลือก ชูแขนแกว่งไปมาใส่เรา แล้วตะโกนด่าเป็นภาษาอะไรไม่รู้ เรากลัวก็เลยหนีไปอีกฝั่งถนน คนแถวนั้นก็งงตกใจ สาวแขกคนนั้นก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊ตะโกนอยู่ตลอด จนมีคนเข้ามาห้าม Relax, please calm down อะไรงี้นางก็ไม่หยุดนะ ส่วนเราก็มีคนมาถามไถ่ ยูรู้จักกับเขาเหรอ อะไรยังไง เขาทำร้ายยูป่าว เป็นไรไหม อย่าสนใจเลยคนบ้า ก็เออผ่านไปไม่ได้อะไร.. คืนนั้นยังว๊อทแอพคุยกับแฟนเล่าเรื่องนี้กันสนุกๆ เลย พอใกล้ๆ วันกลับ เราไปนั่งกินร้านซุปตอนเช้า ก็มีผู้หญิงฝรั่งคนนึงดูเป็นผู้หญิงทำงาน ใส่สูทมาแวะซื้อซุปอาหารเช้าตามปกตินี่แหละ นางมาขอแชร์โต๊ะด้วย เราก็โอเค ตอนแรกนางก็นั่งกินแล้วเมคเฟรนด์อะไรนิดหน่อยตามมารยาท แล้วอยู่ๆ นางก็พูดขึ้นมาว่า ‘ชั้นชื่อ Monica (นามสมมติ) นะคะ คุณไม่ได้อยากได้ Spirit นี้ใช่ไหม? งั้นขอชั้นได้ไหม?’ จังหวะแรกเราก็งงๆ นึกว่าเจอคนเพี้ยนอีกรอบ นางก็พูดต่อว่าเรามี Dark art bottle ลักษณะแบบนี้ๆ อยู่ในกระเป๋าถูกมั๊ย นั่นน่ะนางขอนะ นางรู้ว่าเราไม่อยากได้ อารมณ์ตอนนั้นเราแบบ เชี่ยยยยยยย แล้วยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมือมันขยับไปเอง เราหยิบกุมารออกมาบอกยกให้นางไปเลย นางดีใจใหญ่ ขอบอกขอบใจ และขอแลกอีเมล์กับเราไว้ เราก็ให้อีเมล์แฟนเราไป

หลังจากนั้นปีนึงได้  Monica อีเมล์มาบอกว่า ได้ปล่อย Voodoo baby ไปแล้วนะ ตอนนี้ฝังขวดไว้ใต้ต้นไม้ในป่าแห่งหนึ่ง

ความคิดเห็น