เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณเลิฟเจ้าเก่าครับ เห็นชื่อเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับหนังที่ฉายตอนนี้แต่อย่างใด คุณเลิฟเล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้วครับ เกือบ 30 ปีก่อน สมัยนั้นผมยังเป็นวัยรุ่น แล้วมีปัญหากับที่บ้าน เลยหนีออกจากบ้าน หนังสือก็ไม่ไปเรียน ผมไปอยู่กับเพื่อนคนนึงสมัยเด็กๆ ที่ต่างอำเภอ ห่างจากตัวเมืองไปไกลครับ แถวนั้นเรียกได้ว่าบ้านนอกเลย เป็นชุมชนเล็กๆ มีแต่สวนไร่นา ห่างจากถนนหลักเป็น 10 โล ผมไปขอเพื่อนอยู่ชั่วคราว เพราะว่างอนทางบ้าน เพื่อนคนนี้มันอยู่กับลุงของมันสองคน พ่อแม่เสียไปหมด ไม่ได้เรียนหนังสือ คือจบ ป.6 ก็เลิกเรียนมาช่วยลุงมันทำงานเลย ซึ่งอาชีพของลุงมันนี่ก็แปลกไม่เหมือนใคร ถ้าเรียกให้ดูดี ชาวบ้านแถวนั้นเค้าเรียกว่า ‘ท่านหมอยา’ ลุงเพื่อนมีวิชาด้านยาแผนโบราณ ใครปวดหัวตัวร้อนก็จะมารับยาสมุนไพรกับแก แล้วก็จะหายทุกราย แต่ถ้าเรียกอีกอย่าง ลุงเพื่อนก็คือ ‘หมอผี’ ดีๆ นี่เอง นอกจากแกจะช่วยรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว แกยังช่วยชาวบ้านไล่ผีสาง ไล่คุณไสย ถอนของ อะไรแบบนี้ด้วย มาเข้าเรื่องกันเลยครับ..

วันนั้นผมนั่งรถประจำทางไปที่บ้านเพื่อน โดยมีเพื่อนออกมารับที่ท่ารถแล้วต่อรถสองแถวเข้าไปในหมู่บ้าน กว่าจะถึงบ้านก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว ก่อนขึ้นบ้าน เพื่อนบอกว่า ‘ถ้ามึงเห็นอะไรแปลกๆ ได้ยินอะไรแปลกๆ มึงอย่าทักนะ อยู่เฉยๆ ลุงกูเลี้ยงผี แต่มึงไม่ต้องตกใจ ไม่มีอะไรทำอันตรายได้ ลุงกูดูแลอยู่ อ่อ..อีกอย่าง ถ้าขึ้นบ้านไป ตรงกลางบ้านจะมีมุ้งกางอยู่ มึงอย่าไปทัก อย่าไปมอง ถ้ามึงจะเดินผ่าน มึงยกมือไหว้ก่อนนะ นั่งคือร่างอาจารย์ของลุงกู ลุงเลี้ยงเอาไว้ เอาล่ะ ขึ้นบ้านไปไหว้ลุงกูกัน..’ พอผมได้ฟังคำเตือนข้อห้ามจากเพื่อนแล้ว ผมขนลุกซู่แบบบอกไม่ถูก คิดในใจ นี่เราคิดผิดหรือเปล่าวะ ที่มาขอมันอยู่ แต่ไหนๆ แล้วจะกลับบ้านก็เสียฟอร์ม กำลังงอนอยู่ เอาวะ ลองสักตั้ง

ว่าแล้วผมก็เดินตามเพื่อนขึ้นบ้านไป พอเข้ามาในตัวบ้าน ไม่รู้ความเย็นมันมาจากไหน เหมือนใครเปิดแอร์เย็นจนขนลุก แต่เปล่าเลย บ้านไม่มีแอร์สักตัว บ้านลุงเป็นบ้านไม้ธรรมดาๆ เหมือนบ้านตามชนบท เดินต่อไปก็เห็นมุ้งสีขาวกางอยู่กลางบ้านแบบที่เพื่อนมันบอกจริงๆ แล้วผมก็ดันเสือกมองเข้าไป รู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างใน เคลื่อนไหวไปมา เพื่อนรีบตีแขนผมแล้วบอกเสียงเบาๆ ว่า ‘อย่าเสือกมอง กูบอกไปแล้วไง ไปๆ’ ในบ้านนี่คือกลิ่นสาบสางตลบเลย มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นปกติ มันเหม็นสางๆ สาบๆ เหมือนพวกซากแมวตายแห้งอะไรแบบนั้น เดินทะลุกลางบ้านต่อไปก็ไปถึงห้องหนึ่ง เป็นห้องไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีชุดรับแขก มีโซฟา และมีหิ้งพระ อย่าเพิ่งจินตนาการว่ามันจะมีหัวกระโหลก มีรูปปั้นอะไรสยองๆ เหมือนในหนังนะ ไม่มีเลย มีแต่พระพุทธรูป กุมารทอง แม่นางกวัก เหมือนบ้านทั่วๆ ไปนี่ล่ะ.. ลุงเพื่อนกำลังนั่งไหว้พระอยู่ที่หิ้งพระ แกปักธูปเสร็จก็หันมา เพื่อนก็แนะนำผมกับลุง บอกผมจะมาขออยู่สักอาทิตย์ ลุงเพื่อนก็ไม่ว่าอะไร ดูท่าทางแกใจดีมาก หน้าตายิ้มแย้ม ไม่น่ากลัว พูดจานิ่มๆ เรียบๆ หลังจากที่แนะนำตัวฝากเนื้อฝากตัวเสร็จ ผมกับเพื่อนก็หาข้าวกินกัน และเข้านอน คืนแรกไม่มีอะไรผิดปกติ ผมนอนหลับสบาย

อยู่ที่บ้านลุงไม่มีอะไรมาก ผมกับเพื่อนก็คอยช่วยงานลุง เช่นถ้าใครผีเข้ามารักษา ผมก็จะช่วยตักน้ำจากตุ่มมาให้ลุงทำน้ำมนต์ คอยหยิบโน่นหยิบนี่ วิ่งซื้อของ ดอกไม้ ธูป เทียน ขี้ผึ้ง ไข่ไก่ ของทำพิธีต่างๆ ดูแล้วก็สนุกดี ได้เห็นอะไรแปลกๆ อย่างคนโดนผีเข้างี้ คนโดนของมาถอนของงี้ มีอยู่รายนึง เป็นผู้หญิงโดนทำของมา ลุงบอกโดนฝังรูปฝังรอย ผู้ชายทำของให้หลงอะไรอย่างนั้น รายนี้น่ากลัว ญาติ และพ่อแม่ผู้หญิงมัดมาเลย อุ้มลงจากรถกระบะเอาขึ้นมาหาลุง เชื่อไหม ผู้หญิงตัวนิดเดียว ผู้ชาย 3 คนจับไม่อยู่ ดิ้นจนเชือกหลุดวิ่งหนีลงเรือนไป ต้องวิ่งช่วยกันจับ ผมด้วยเพื่อนด้วย ช่วยกันวิ่งไปจับมา แรงมหาศาลมาก ดิ้นจนพวกผมเหนื่อย ปากก็ร้อง ปล่อยกูๆๆ กูจะไปๆๆ อยู่อย่างนั้น จนขึ้นมาบนเรือนได้ ลุงท่องคาถาอะไรอยู่พัก ซัดน้ำมัน ถึงค่อยสงบลงได้ แล้วลุงก็ค่อยๆ ถอนของ สวดทำน้ำมนต์ให้ผู้หญิงคนนั้นดื่ม ผู้หญิงตอนนั้นสลึมสลือ ญาติต้องช่วยกันจับกรอก ลุงบอกกรอกไปเยอะๆ จนกว่าจะอ้วก ให้เพื่อนเอากระโถนมาให้รองอ้วก สักพัก ผู้หญิงก็อ้วกออกมา เหม็นมากกกกก เหมือนตัวอะไรตาย คือผมแทบจะอ้วกไปด้วย ลุงบอกกรอกอีกๆ กรอกไปเรื่อยๆ เอาไอพรายในตัวออกให้หมด แล้วลุงก็ซัดน้ำมนต์ไปด้วย จนตัวผู้หญิงชุ่มไปด้วยน้ำมนต์ ผู้หญิงก็อ้วกๆ เชื่อไหมครับ ที่แขนขาของผู้หญิงตอนมันเหมือนมีน้ำมันผุดออกมาเป็นเม็ดๆๆ เลย กลิ่นนี่อย่าให้พูด เหม็นเน่าตลบบ้านไปเลย ลุงบอก ออกมาแล้วๆ น้ำมันผี แล้วลุงก็สวดๆๆ ซัดน้ำมนต์ไม่ขาดมือ เวลาผ่านไปพักใหญ่ จนผู้หญิงอ้วกจนหมดไส้หมดพุง เป็นลมนอนพะงาบๆ ลุงบอกเอาล่ะ ออกหมดแล้ว เอาน้ำมนต์ที่เหลือไปอาบที่ตีนบันไดด้านล่าง เสร็จแล้วขึ้นมาอีกที จะทำพิธีปิดไม่ให้ของย้อนกลับมาอีก ญาติผู้หญิงคนนั้นก็ทำตามที่ลุงบอก จนเสร็จสรรพจบพิธี ผู้หญิงคนนั้นดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากตอนแรกสภาพเหมือนคนบ้า ตอนนี้พูดจารู้เรื่อง หน้าตาสดใสแบบผิดหูผิดตา เธอก้มกราบลุง และกลับไปพร้อมกับญาติของเธอ

มีอะไรแบบนี้แทบจะทุกวัน คนมาไล่ผี ถอนของ ผมเห็นจนชิน จากแรกๆ กลัว จนเริ่มจะชินแล้ว พอมีเวลาว่างช่วงกินข้าวเย็นกัน ลุงแกก็จะมาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แกบอกว่า แกคิดจะเลิกทำมานานแล้ว แต่ก็เลิกไม่ได้ สงสารชาวบ้าน แกทำแบบนี้ก็ใช่จะดี คนเกลียดก็มี คนรักก็มี แกเล่าว่ามีคู่แข่งแกคนนึง อยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไร เป็นคนมีของ มีวิชาแบบแกนี่ล่ะ แต่ไม่ถูกกัน ด้วยเรื่องอะไรลุงก็ไม่ได้เล่า แกบอกมันชอบปล่อยของมาลองวิชากับลุง มีอยู่ครั้งนึง ลุงพลาดโดนของเข้าท้อง ตั้งแต่สมัยเพื่อนผมยังไม่เกิด แกพยายามถอนของเอง 3 วัน 3 คืน ก็ถอนไม่ได้ นอนปวดท้องปวดไส้ ใกล้จะตาย แกกัดฟันนั่งรถไปหาอาจารย์แกที่บุรีรัมย์ ให้อาจารย์ถอนของให้ แกบอกอาจารย์แกถอนให้เสร็จ แกปวดท้องเหมือนจะถ่าย เลยเข้าห้องน้ำ เชื่อไหม แกถ่ายออกมาเป็นเชือก! เชือกป่านกระสอบเส้นยาวเป็นวา เลือดสดๆ ออกมาเป็นกะละมัง ครั้งนั้นแกเกือบตาย พอหายดีแกก็กลับมา แต่แกไม่แก้แค้นกลับนะ มันบาป ได้แต่ทำบุญอโหสิกรรมไป แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่หยุด ยังคงตามรังแกแกตลอด บางทีก็ปล่อยผีสางมาลองวิชาแก อีกครั้งที่แกเกือบตาย คือฝ่ายตรงข้ามมันเอาบวบงูมาแอบฝังไว้ที่บ้าน บวบงู คือวิชาหนึ่ง มันจะเอางูเห่าที่ตายแล้วมาขุดหลุมฝัง แล้วเอาเมล็ดบวบหย่อนลงไป กลบหลุม ว่าคาถา แล้วคอยรดน้ำให้มันโตขึ้นมา พอโตได้ที่ ก็ขุดเอาไปแอบปลูกในที่ของลุง มันแอบขุดฝังไว้ในพงหญ้า พอต้นบวบโต มันก็ว่าคาถาให้บวบกลายเป็นงูมากัด ลุงบอกลุงเดินไปเจอพอดี ลุงรู้ได้เลยว่าไม่ใช่งูปกติ เป็นงูอาคม ก็สู้กันพักใหญ่ มันก็พ่ายแพ้ไป.. ลุงบอกลุงโดนมาเยอะ จนคิดว่าจะเลิกซะที ของแบบนี้มันไม่ยั่งยืน สักวันอาจพลาดท่า ผมฟังเรื่องเล่าของลุงเพลินเลยวันนั้น มันทั้งตื่นเต้น ทั้งแปลก ไม่เคยได้ยินมาก่อน ใจนึงก็คิดว่า จริงเหรอ? มันมีแบบนี้จริงเหรอ? ฆ่าคนด้วยไสยศาสตร์เนี่ยนะ ไอ้ผมก็ 50:50 แต่เห็นท่าทีของลุง และที่ลุงช่วยชาวบ้านมามาก ใจผมก็เอนเอียงไปในทางเชื่อมากขึ้น

และแล้ว ความเชื่อผมก็ได้ถูกพิสูจน์ ในคืนหนึ่งหลังจากวันนั้นไม่นาน.. คืนนั้นประมาณ 3 ทุ่มได้ ผมกำลังนอนกับเพื่อนในห้อง อยู่ๆ ลุงก็มาเคาะห้องอย่างรีบร้อน เพื่อนก็ลุกไปเปิด ลุงบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มีความกังวลนิดหน่อยในสำเนียง แกบอก ‘มันเล่นเราแล้ว ไอ้หนู ช่วยกันปิดหน้าต่างบ้านให้หมด แล้วมาอยู่กับลุงที่ห้องพระโดยด่วนนะ..’ ผมกับเพื่อนก็รีบช่วยกันปิดหน้าต่างทุกบานในบ้าน ลุงเดินไปที่มุ้งกลางบ้านที่เป็นร่างอาจารย์แก แล้วนั่งคุกเข่า ไหว้ ปากขมุบขมิบว่าคาถา แล้วรีบเดินเข้าห้องพระไป ผมกับเพื่อนรีบวิ่งตามไปที่ห้อง ลุงนั่งจุดธูปเทียนที่หิ้งพระ แล้วบอกเรา ‘ไอ้หนู ไปนั่งมุมห้อง อย่าทักอย่าพูดอะไร เอามือปิดปากไว้ แล้วลุงก็นั่งสมาธิที่หน้าหิ้งพระ เชื่อไหมครับ อยู่ดีๆ เสียงหมาแถวนั้นหอนรับกันเป็นช่วงๆ จากปากทางเข้าบ้านมาเลย ลมเริ่มพัดแรงขึ้นๆ เสียงสังกะสีหลังคากระพือพรึบพรับเหมือนจะเปิดออก เสียงไม้ฝาบ้านเบียดตัวเอี๊ยดอ๊าดๆ ราวกับถูกมือขนาดมหึมาบีบกะจะให้แหลกคามือ หมาก็หอนไม่หยุด ลมก็พัดเหมือนพายุ เสียงมันดัง ‘วี๊ดๆๆ’ เหมือนเสียงคนโหยหวนด้วยความทรมาน ลุงนั่งหลับตาว่าคาถาของแกไปอย่างนิ่งสงบ ไม่นาน ลุงก็หยิบมีดขนาดใหญ่ในพานสีทอง แล้วเดินไปที่ประตูห้อง แกเปิดมันออกอย่างไว ลมข้างนอกพัดเข้ามาอย่างแรง ทำเอาขนลุก แปลกที่เราช่วยกันปิดประตูหน้าต่างทุกบานแล้ว ทำไมมีลมพัดเข้ามาในบ้านได้แรงขนาดนี้ ลุงกระชับมีดในมือ แล้วท่องคาถาเร็วปร๋อ พร้อมทั้งตวาดกลับไปว่า ‘พวกมึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย กลับไปหานายมึง ถ้าไม่ไปกูจะฟันคอขาด!’ หลังจากที่ลุงตวาดไป จากลมที่แรงๆ หยุดกึ๊กเลย นิ่งสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมาหยุดหอนหมดเหมือนปิดสวิทช์!? ลุงปิดประตูห้องแล้วเดินกลับเข้ามา แกบอก มันมาลองเฉยๆ ส่งผีมากวน มาลองดี ตอนนี้มันไปแล้ว ให้พวกผมกลับไปนอนกันได้แล้ว..

แหม.. ใจคอลุง เจอซะขนาดนี้ใครจะไปหลับตาลงได้ คืนนั้นผมนอนคุยกับเพื่อนทั้งคืน ผมถามว่า มึงเจอแบบนี้มากี่ครั้งแล้ววะ? มันบอกก็เจอมาบ้าง แต่ไม่แรงขนาดนี้ว่ะ ผมถามว่า แล้วมึงไม่กลัวมั่งเหรอ? เกิดสักวันพลาดล่ะ มันบอก กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูจะไปไหนได้ พ่อแม่กูก็ไม่อยู่แล้ว แล้วเพื่อนก็บอกให้ผมกลับบ้าน มันคงกลัวว่าผมจะพลอยลมพลอยฝนไปด้วยจากอำนาจมืด

วันรุ่งขึ้น ผมก็ลาลุงกลับบ้าน ลุงบอกดีแล้ว อยู่ที่นี่มันอันตราย ลุงก็ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานไหม คนมาทางสายนี้มันเสี่ยง.. จากนั้นเพื่อนก็มาส่งผมที่ท่ารถ ร่ำลากัน ผมกลับมาบ้านมาขอโทษแม่ที่หนีออกจากบ้านไป.. จนเวลาผ่านไปนาน จนผมโต เรียนมหาวิทยาลัย ด้วยความคิดถึงเพื่อนเก่า วันนึงผมก็กลับไปที่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง จะไปหาเพื่อน แต่เพื่อนกับลุงไม่อยู่ที่นั่นแล้ว บ้านก็ถูกรื้อเป็นที่ดินว่างเปล่า ผมถามคนแถวนั้นได้ความว่า มาช่วงหลังลุงเปลี่ยนไป ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่รักษาชาวบ้านอีก ส่วนหลานแก (เพื่อนผม) ก็หนีจากลุงไปตั้งแต่ที่ลุงเริ่มแปลกๆ จนช่วงหลังแกเป็นมาก พูดจาไม่รู้เรื่อง บางทีก็หยิบมีดออกมาไล่ฟันชาวบ้าน บอกว่าเป็นปอบ เป็นผีสาง ชาวบ้านลงความเห็นกันว่า แกเล่นของมากจนของเข้าตัวแก แล้ววันดีคืนดี แกก็หนีออกไปจากบ้านไม่กลับมาอีกเลยเป็นหลายปี จนผู้ใหญ่บ้านแจ้งเป็นบุคคลสูญหาย แล้วรื้อบ้านแกเอาไม้ถวายวัด ทำเป็นที่ดินว่างเปล่านี่ล่ะ.. ผมได้ฟังเรื่องเล่าของลุงด้วยความสลดใจ ในใจผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแกจะของเข้าตัวเอง แกน่าจะโดนฝ่ายตรงข้ามทำเอาจนเป็นบ้าบอ เห้อ.. หมองูตายเพราะงู เราไม่ทำเค้า สักวันเค้าก็ต้องทำเรา นี่คงเป็นสัจธรรมของคนเล่นของ..

Story by คุณเลิฟ

ความคิดเห็น