เรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์ @nampet_zxt ครับ เป็นเรื่องยาว อ่านแล้วหลอนเลย ลองอ่านกันดู เรื่องมีอยู่ว่า.. คือพี่เราโดนรถเมล์ทับหัว แถวๆ สี่แยกตรงจรัญฯ เสียชีวิตคาที่ (เป็นเรื่องจริงเคยออกข่าว) และด้วยที่พ่อทำใจไม่ได้ เลยปักธูปเรียกให้พี่มากินข้าวเช้า-เย็นเลย พี่ที่เสียไปเป็นผู้หญิง และเป็นลูกติดพ่อ เราเป็นลูกติดแม่เลยไม่เคยเจอกันมาก่อน ซึ่งตอนที่พี่เขาเสียใหม่ๆ พ่อเราประสาทกินเลย เป็นบ้าไปช่วงหนึ่ง ทุกวันพ่อจะเรียกให้พี่มากินข้าว โดยการเอาธูปปักข้าวไว้ และเรียกมากิน ทั้งเช้า-เย็น ไม่ว่าจะไปกินข้าวข้างนอกก็ทำ พ่อทำใจไม่ได้ถึงขนาดเก็บทุกอย่างที่เป็นของพี่ ทุกอย่างรวมถึงเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดในวันที่พี่เขาโดนชน ก็เก็บไว้ในห้องนอนของพี่เขา 

และด้วยที่เราไม่สนิท ไม่เคยเจอ (ตอนนั้นอยู่คนละบ้านกับพ่อ) พ่อมานอนที่บ้านแม่เรา แต่มีช่วงหนึ่งแม่ต้องไปนอนบ้านพ่อ ช่วยงานศพ เราเลยอยู่คนเดียว แต่เราก็ไม่ได้กลัว หรือไม่ได้คิดอะไร ช่วงนั้นชอบเล่นเกมเดอะซิมส์มาก ช่วงปิดเทอมเราก็เล่นยันตี 2-3 ทุกวัน แต่แปลกอย่าง คือชอบรู้สึกว่ามีคนอยู่ในห้องด้วย แต่ก็คิดว่าเป็นกุมารในห้องเราหรือเปล่า? ก็เล่นเกมไป แม่ก็ไม่ได้กลับบ้านเลยช่วงนั้น

จนมาวันพระ คืนนั้นจำได้ดีว่าเลิกเล่นเกมตอนตี 2 ครึ่ง และจำได้ว่านอนไม่หลับ ไฟในห้องปิดหมดแล้ว ทีนี้เรามองไปที่ปลายเท้า ก็เห็นคนอ้วนรูปร่างใหญ่มาก เราก็คิดว่าเป็นผ้าขนหนูแขวนกับตู้เสื้อผ้า ไม่ก็เป็นพัดลม เพราะตู้เสื้อผ้าอยู่ปลายเท้า แต่เราหันมา ก็เห็นว่าข้างๆ เงานั้นคือพัดลม เราก็..แล้วเงาอะไรวะ? เลยลุกขึ้นนั่งมาดู ตอนนั้นไม่ได้กลัวเลย เพราะไม่คิดว่าเป็นผี พอเราลุกจากหมอนแล้วยื่นหน้าไป ตอนนั้นแบบขยับตัวได้ปกติ ไม่เหมือนคนที่เจอผีแล้วขยับตัวไม่ได้อะไรแบบนั้น เราขยับได้ปกติเลย ซึ่งเงานั้นคือผีแน่นอน! เขายืนมอง ไม่ยิ้ม หน้านิ่งๆ ขยับเล็กน้อย เรานี่แบบ เชี่ย!! ไม่หายว่ะ งั้นลองล้มตัวลงนอนหลับตา แล้วลืมตาใหม่อีกที พอลืมตามาใหม่ สรุป ไม่หาย!! คือมันไม่หาย แถมยังค่อยๆ ขยับมาข้างๆ เราได้แต่หลับตาปี๋ พยายามให้หลับ ไม่ลืมตามาอีกเลย เรากลัวมากจนหลับไป.. จนแม่กลับมา เราก็เล่าให้แม่ฟังว่าเราเจอใครไม่รู้ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าใคร) ตัวอ้วนใหญ่ เป็นผู้หญิง เขาอยู่ปลายเท้า มาหาตอนวันพระ แม่ได้ยินแม่ก็เงียบ แล้วอีกวันพ่อก็พาไปบ้านพ่อ และพาเราไปที่รูปศพของพี่เขา พอเราเห็นรูปคือมันใช่เลยอะ พี่เขาเป็นผู้หญิงอ้วน น้ำหนักประมาณ 100 กิโลได้ ผมสั้น เหมือนกับเงาที่เราเจอเมื่อคืนไม่มีผิด เราก็ว่าทำไมเงานั้นมันรูปร่างใหญ่จัง พ่อบอกว่า พ่อชอบเรียกให้เขาไปไหนมาไหนด้วย วันนั้นพ่อคงลืมเรียกกลับบ้าน.. 

เราก็แบบ เออ..แต่เขาก็ไม่ได้มาสภาพเละๆ อะนะ ถึงแม้ตอนเขาเสียคือศพโดนรถเมล์เหยียบหัว ก็นึกเอา.. จนงานศพจบลง พ่อเราให้ย้ายไปอยู่บ้านพ่อ ซึ่งเป็นบ้านที่(ผี)พี่เขาอยู่ด้วย ที่ให้ย้ายเพราะบ้านเราชั้นล่างเป็นร้านเกมไม่มีคนดู พ่อต้องไปทำงาน และพ่อเราเป็นคนดวงแข็งมากๆ ไม่เคยเจออะไร และไม่กลัวเรื่องผีเลย ต่างจากเราที่เจอบ่อย เราเกิดวันศุกร์ที่ 13 เวลา 13.33 นาที ตามใบเกิด แต่ก็ไม่ได้เห็นขนาดเป็นแม่หมออะไรขนาดนั้น ซึ่งบ้านหลังนี้ตอนเราเข้ามาเราก็ไม่รู้นะว่ามีอะไร รู้แค่ว่า บ้านเราตอนมาอยู่นั้นมีพ่อแม่ ลุงป้า และลูกลุงอีก 2 คน ซึ่งตอนมาแรกๆ เราก็สำรวจบ้านนะ ดูทุกห้อง ยกเว้นห้องพี่เขา และก็ขึ้นไปดูห้องลุงกับป้าซึ่งอยู่ชั้นบนสุด ติดกับดาดฟ้า และติดกับที่เก็บของ ซึ่งเก่ามาก เราดูนู่นดูนี่ก็รู้สึกว่าน่ากลัวว่ะ รู้สึกเหมือนคนมองตลอด ต้องคอยหันมาดู แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร 

พอตอนกินข้าวเย็น เราก็เล่าให้ฟังว่าไปเดินดูนู่นดูนี่มา คุยกันในครอบครัว จนเราบอกว่าขึ้นไปห้องลุงกับป้ามาด้วย ป้าก็ทำหน้าตกใจหันมาถามว่า ไปคนเดียวเหรอ เจออะไรไหม กล้าขึ้นไปได้ยังไง? เราก็งงๆ ทำไมเหรอ..มันมีไรอ่ะ? ป้าก็มองหน้าลุง มองกันอยู่นาน แล้วบอกว่าไม่มีอะไร และหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน.. เราอยู่บ้านนี้ก็ดูจะปกติทั่วไป แค่ทุกเช้า-เย็น พ่อจะเอาข้าวจานใหญ่ เหมือนที่คนเรากินปกติมาตั้งหน้ารูปพี่เขา และปักธูปเรียกให้กินข้าว แม้ว่าจะไปกินร้านอาหารก็จะมีจานเปล่าไว้ข้างๆ และเรียกพี่เขากินตลอด เพื่อนเราเคยไปกินข้าวด้วยคือตกใจอ่ะ มันก็ถามนะทำไมต้องทำแบบนี้ เราก็บอกได้แค่ว่า อ่อ พ่อเรียกพี่เขากินข้าวอ่ะ ก็กินๆ ไปเหอะ ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนก็ได้แต่มองหน้ากันแต่ไม่ค่อยกล้ากิน.. พ่อเราทำแบบนี้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเลย

ตอนที่เราเข้าไปอยู่บ้านพ่อแรกๆ ลองนึกตามนะ บ้านเป็นตึกพาณิชย์ 4 ชั้น (ตึกแถว) ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว และจะมีชั้นลอย ชั้นลอยที่มองเห็นข้างล่างได้ ประมาณนี้ ซึ่งห้องนอนเราอยู่ชั้นลอย เราก็เดินเข้า-ออกห้องเรามาหยิบของนั่นนี่ที่หน้าห้องที่อยู่ข้างๆ บันได และเราเห็นว่ามีคนเดินขึ้นไปชั้นบน เราก็นึกว่าเป็นแม่ เรากำลังจะเรียกแม่ แต่กลับได้ยินเสียงแม่ข้างล่าง เราเลยมองลงมาข้างล่าง ก็เห็นแม่ พ่อ ลุง น้อง อยู่ครบ เราเลยมองกลับไปที่คนที่เดินขึ้นไป คือตอนที่เราเห็นขาเดินขึ้นไป ขานั้นก็กำลังเดินขึ้นนะ แต่พอเราชะโงกหน้ามองลงไปข้างล่าง แล้วหันกลับมา ขานั้นมันหยุด! และพอเรามองขานั่นอีกที คือมันรีบวิ่งขึ้นไปเลย และที่เห็นชัดสุดๆ คือเห็นแค่ช่วงข้อเท้า แต่ข้างไม่มีอะไรเลย! ไม่ตาฝาดแน่ เพราะเปิดไฟทั้งชั้นบนด้วย ซึ่งชั้นบนเป็นห้องนอนของพี่เขา ตอนนั้นคือกลัวมาก กลัวจนน้ำตาไหล วิ่งลงมาร้องไห้โฮเลย บอกว่าขาใครไม่รู้ เห็นแค่ข้อเท้าเดินขึ้นข้างบนไป และมีการหยุดให้เรามองด้วย แม่เราก็บอกตาฝาดหรือเปล่า? พ่อบอกไร้สาระคิดไปเองบ้าง เพราะพ่อเราเป็นคนที่อยากเจอมากที่สุด แต่ไม่เคยจะได้เจอเลย นอกจากครั้งนั้น เราก็เจอมาตลอด เจอจนแบบแม่เราอยากจะขอเลิกกับพ่อ เพราะเราเจอจนเราอยู่ไม่ได้แล้ว ไม่อยากนอนคนเดียว เจอจนเหนื่อยใจ อย่างเช่น กลับบ้านมาตอนดึก เปิดประตูมาก็จะเห็นเหมือนว่ามีร่างคนยืนมองลงมาจากชั้นลอย แล้วหายไป.. ทุกครั้งที่รู้สึกอึดอัด ขนลุกขึ้นมา ได้แต่เดินช้าๆ ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น เพราะถ้าวิ่ง สติจะเตลิดเหมือนคนบ้าแน่ๆ

ด้วยที่บ้านเราอยู่ใกล้ถนน เวลารถขับผ่านเยอะๆ บ้านมันจะสั่นๆ หน่อย มีวันนึงแม่เรามานอนด้วย พอกลางดึก แม่ปลุกเรา และบอกว่าทำไมประตูห้องนอนเราสั่น เหมือนมีคนผลักประตูตลอดเลย เราก็ตอบด้วยความเคยชินไม่คิดอะไร บอกว่า ลมไง แม่บอกลมบ้าอะไร ในห้องก็เปิดแอร์ และปิดหน้าต่าง เราก็บอก รถขับผ่านรึเปล่า บ้านสั่นอะไรงี้ แม่ก็บอกอะเดี๋ยวฟังดู เราก็ฟัง.. ตอนนั้นตี 2 กว่า รถไม่มีขับผ่านเลย แต่ประตูห้องเรากลับสั่นดัง ‘กึกๆ’ ‘ตึงๆ’ แม่เราเลยลุกไปดู เสียงก็เงียบไป แม่ก็ลองเปิดประตูดูก็ไม่มีอะไร ลมก็ไม่มี เรากับแม่ก็ได้แต่มองหน้ากัน..

หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดละ ว่ามันมีอะไรหรือเปล่านะ? แต่ก็ยังนิ่งๆ อยู่ พ่อก็ยังทำแบบเดิม ซื้อข้าวปักธูปเรียกพี่มา ไปไหนมาไหนก็เรียก เราก็เคยบอกกับแม่นะว่า ทำแบบนี้พี่เขาไปเกิดไม่ได้หรอก พ่อก็ยังแบบอยากให้เขาอยู่ก่อน และวันที่พี่เขาตายก็คือวันพระใหญ่พอดี และที่พ่อเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็คือเวรกรรม พ่อเรามีลูกแท้ๆ 2 คน คนแรกเสียจากการเจ็บป่วย เกิดมาได้สักขวบ ทรมานกว่าจะตาย คนที่สองก็คือพี่คนนี้ เสียเพราะโดนรถเมล์เหยียบที่หัว ซึ่งมันมีเหตุมีผลมาจากที่ตอนพ่อเราวัยรุ่น พ่อเป็นนักเลงอันธพาล ไล่ตีเขาไปทั่ว เคยไปรุมตีเหยื่อคนแรกจนตาย และคนที่สองคือวิ่งไล่ตีเขา และไปยิงที่หัว เสียชีวิตคาที่ที่ป้ายรถเมล์ จะว่าบังเอิญก็ตรงไป เพราะคนแรกกว่าจะตายก็ทรมาน คนที่สองก็โดนเหยียบที่หัวโดยรถเมล์ พ่อเราแค้น และเจ็บมาก เพราะเวรกรรมไม่ลงที่เขาเลย ลงที่คนรอบตัวเขาหมด อะไรที่เขารัก เจ้ากรรมเขาเอาไปหมด พ่อเราเครียดหนักมาก จากคนที่ติดคุกมา 20 ปี ออกมาก็เปลี่ยนตัวเอง แต่เวรกรรมมันไม่เห็นใจ พี่เราที่ตายก็ตายวันพระใหญ่ เราเคยอ่านมาว่า คือวันที่เจ้ากรรมนายเวรออกมาอะไรทำนองนี้แหละ

ต่อมาพ่อเราจับได้ว่าลุงกับป้าที่อยู่ด้วยกันแอบขโมยเงินไป พ่อเราเลยไล่ออกจากบ้าน ก็เหลือกันแค่ 3 คน พ่อ แม่ และเรา แล้วก็จะมีน้องข้างๆ บ้านที่สนิทกันมาเล่นบ้าง มานอนที่บ้านบางครั้ง และเราก็จะเล่นกับลูกคนข้างบ้านเพราะอายุเท่าๆ กัน ก็จะมานอนกับเรา เราเลยไม่ค่อยเจออะไร จนรู้สึกว่าห้องนอนเราอยู่ชั้นลอย และหน้าห้องก็จะเป็นหิ้งพระ กับโต๊ะนั่งเล่น คนเลยชอบเดินไปเดินมา ด้วยความอยากได้โลกส่วนตัวจ้า เลยขอแม่ย้ายไปอยู่ชั้นลุงกับป้าที่อยู่ชั้นบนติดกับดาดฟ้า และห้องเก็บของ บอกเลย นี่โคตรเป็นการหาเรื่องใส่ตัว!

พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้ย้ายไป เราขนของไปข้างบน เงียบมากจ้า ถูกใจสุด แม่เรียกใช้งานไม่ได้เพราะอยู่ชั้น 4 แม่ไม่ขึ้นมาเรียก จะเรียกคือโทรหาเท่านั้น แต่พอมาอยู่ห้องลุงกับป้า เราก็แปลกใจที่ประตูกับบันไดมันตรงกัน มันไม่ดีไงที่สร้างแบบนี้ และคิดดูนะ ก่อนจะขึ้นมาชั้น 4 เราต้องผ่านห้องพี่ที่เขาเสียก่อน ซึ่งอยู่ปลายบันไดเลย แต่ยังไม่กลัวจ้ะ เพราะเราอยู่กับเพื่อนข้างบ้าน นางมานอนกับเราทุกวันเลย แต่ที่โคตรเกลียดคือห้องน้ำมันอยู่ข้างนอก ซึ่งต้องเดินออกมา และลองคิดนะ อยู่ใต้บันไดขึ้นชั้นดาดฟ้าที่ไฟมืดๆ และชั้นล่างตรงห้องน้ำคือห้องพี่เขา ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าแม่งน่ากลัวอ่ะ อึดอัด มันวังเวงมากๆ ทั้งที่เป็นกลางวันก็ตาม

และแล้วไม่นาน เราก็เริ่มทะเลาะกับเพื่อนที่อยู่ข้างบ้าน นางเริ่มไม่ค่อยมานอนด้วยแล้ว จนสุดท้ายคือไม่มานอนเลย เราก็ต้องนอนคนเดียวจ้า อยู่คนเดียวแรกๆ ก็โอเคนะ แต่ได้แค่อาทิตย์เดียว เราก็เริ่มรู้ว่าไม่โอละ เพราะรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอด เลยบอกแม่ว่า แม่หนูอยากย้ายลงมาที่เดิมอะ แม่ก็บอกว่าเพิ่งจะย้ายขึ้นไปเอง แม่ไม่ยอมจ้า เราก็เฟลไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันก็ต้องจ้างคนมายกที่นอน ยกตู้เสื้อผ้า คือของเยอะไง แล้วอยู่ไปไม่ถึง 2 เดือน ก็เลยต้องทนอยู่ไป

มีวันหนึ่ง เราดูรายการคนอวดผี มีช่วงนึงที่ลูกเขาตาย และพ่อแม่เก็บของลูกเขาไว้ เรียกลูกไม่ให้ไปไหน เหมือนพ่อเราเลย พ่อเราทำมา 2-3 ปีละ จนเราเห็นคุณริวบอกว่า เขาจะไปไหนไม่ได้นะ ให้เลิกทำ เราก็เลยว่าจะไปบอกพ่อดีกว่า แต่พ่อเราไม่ชอบริว บอกไปพ่อก็ไม่เชื่อ แถมจะมาว่าเราอีกแน่ๆ เรากับแม่ก็ได้แต่ปล่อยให้พ่อทำต่อไป จนผ่านไปอีกสัก 2 เดือนได้มั้ง พ่อมาบอกว่าพ่อฝันถึงพี่เขา พี่เขามาหา แต่ไม่ได้พูดอะไร แต่รู้ว่าพี่เขามาบอกลาว่าเขาจะไป พ่อเราก็เล่าไปร้องไห้ไปนะ แบบพ่อเขาอยากเจอแต่ไม่เคยได้เจอ เพิ่งจะเคยฝันนี่ล่ะ เรากับแม่ก็สงสาร แต่พ่อก็ไม่เลิกทำ ที่เอาข้าวมาแล้วปักธูปเรียกเนี่ย จนมีวันหนึ่ง เราฝัน ฝันที่มั่นใจว่าไม่ได้ดูหนังผี หรือดูหนังก่อนนอน ไม่ได้เจอใครแล้วเก็บมาฝัน เป็นฝันที่เหมือนจริงมากๆ และในฝันมันน่ากลัวมาก เราฝันว่าเห็นพ่อซื้อข้าวเหมือนทุกๆ ครั้ง กำลังเอาธูปปัก และเรียกพี่เขาตรงรูป ไปที่โต๊ะกินข้าว แต่ข้างๆ โต๊ะที่พ่อเอาข้าววาง เราเห็นเป็นคนผอมๆ แห้งๆ ผิวดำ มายืนรอ และมองมาที่อาหาร สภาพหิวมาก และในฝันแต่ละครั้งจะเปลี่ยนคนที่มารอกินไม่ซ้ำ แต่สภาพจะผอมๆ ดำๆ แห้งๆ ผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้าง แต่ในฝันพ่อเราไม่เห็นเขา แต่ในฝันพ่อก็จะเรียกพี่ให้มากิน และในฝันผีพวกนั้นคือสัมภเวสีมารอกิน แต่พวกนั้นรู้ว่าเราเห็น มันหันมามองเราและยิ้ม บอกว่า ‘กูจะอยู่ที่นี่แหละ กูอิ่ม!’ ในฝันคือแม่งน่ากลัวมากกกกก เพราะเราเรียกพ่อเราว่าพ่อรู้ไหมเอาให้ใครกินเนี่ย แต่พ่อเราไม่เห็น จนเราสะดุ้งตื่นมาเหงื่อท่วมตัว คือมันเหมือนจริง จริงแบบมากๆๆๆๆ เว้ย เราเลยไปบอกแม่ แม่เราก็บอก คงจะจริงที่พี่เขาไปเกิดแล้ว และผีที่เข้ามาได้เพราะพ่อเรียกเข้ามา พอไม่มีพี่เขามันเลยมากินแทน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าในบ้านเนี่ย ผีพี่เราหรือผีที่ไหน เราเลยบอกแม่ว่าต้องให้พ่อเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว!

เรากับแม่ก็พยายามทำ ซึ่งหลังๆ เรารู้สึกว่าในห้องนอนเรา เราไม่ได้อยู่คนเดียว มันน่ากลัว และวังเวงมากๆ บรรยากาศรอบๆ มันเริ่มแย่ จนในที่สุด เราทำให้พ่อเลิกทำได้ คือเราบอกว่าเราดูรายการพระ แล้วเขาบอกให้ทำบุญเขาจะได้รับมากกว่า ทำบุญถึงเขาโดยเฉพาะ แถมยังได้บุญไปเกิด สารพัดที่เราจะบอก จนพ่อยอมเชื่อ.. พ่อเลิกทำจ้าาา เอารูปพี่เขาไปเก็บ เน้นทำบุญให้โดยตรง เรากับแม่ก็ดีใจ.. แต่! บอกเลยว่า ไอ้ที่จะเจอหลังจากนี้คือโคตรจะจำไปตลอดชีวิต คืออีผีสัมภเวสีเข้ามาหาเรา และโกรธเรามาก ที่ทำให้ไม่ได้กินอะไร และไอ้ชั้นที่เราอยู่เนี่ย มันมีอยู่แล้ว เพราะพ่อเราเคยซื้อของจากวัดสวนแก้วที่มีของเก่าเยอะๆ พ่อเรารับมาขาย และมันติดตามมาจากของพวกนั้น หลายครั้งที่ข้างๆ บ้านชอบมาว่าพ่อว่าทำไมปล่อยให้คนวิ่งเล่นทั้งคืนที่ชั้น 4 พ่อเราก็งง บอกไม่มี แต่ข้างๆ บ้านก็บอกว่าได้ยินจริงๆ แต่พ่อเราทั้งๆ ที่อยู่ชั้นล่างต่อจากชั้น 4 คือไม่เคยได้ยินเลย ถ้ามีคนวิ่งเสียงดังจนข้างบ้านได้ยิน เป็นไปไม่ได้ที่ชั้นล่างจะไม่ได้ยิน อะ..หลายคนอาจจะงงนะ ว่าทำไมผีเข้ามาง่ายจัง บ้านเราเป็นบ้านเช่า ไม่มีศาล + พ่อไม่ทำบุญบ้าน ไม่ทำอะไรเลย 

มาต่อตรงที่พ่อเลิกปักธูปเรียกพี่แล้ว เราก็อยู่ชั้น 4 เหมือนเดิมนั่นล่ะ แต่ถ้าเข้าห้องแล้วจะไม่ออกมาเข้าห้องน้ำเลย จะอยู่ในห้องตลอด และตอนเช้า หรือบ่ายเลย เราก็จะอาบน้ำในชั้นนั้นแหละ แต่เหตุการณ์ที่ยอมย้ายทันทีคือเจอตอนเช้าเลย เราก็อาบน้ำปกติไม่ได้กลัวอะไร แต่ที่ทำให้ยืนแทบไม่อยู่ คือเราออกจากห้องน้ำ แล้วพอเงยหน้ามา เราเห็นคนตัวดำสนิทหลายๆ คน ชะโงกหน้าออกจากประตูห้องเรามายิ้มแสยะๆ แล้วหลบเข้าไปในห้องแบบช้าๆ หลายๆ คน เรานี่นิ่งไปเลย ตอนนั้นรู้อย่างเดียวกูต้องออกจากตรงนี้! มันกลัวมากจนหายใจไม่ออก เหมือนคนจมน้ำอะ ที่แบบกูต้องออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ ตะโกนเรียกใครก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะมันชั้น 4 แม่อยู่ชั้น 1 เราได้แต่ก้มมองพื้น และเดินลงบันได ตอนลงบันไดมันเป็นช่วงเวลาที่ช้ามากๆ กับการหลอกตัวเองว่ากูไม่ได้เห็นอะไรทั้งสิ้น และบันไดกับประตูห้องแม่งตรงกันอีก พอหันหลังให้กำลังจะลง เสียงหายใจนี่มาอยู่ตรงต้นคอเลย! ฟืดดด แรงมาก อารมณ์แบบคนไม่พอใจเอามากๆ และได้ยินเสียงหัวเราะในหัว น้ำตาเรานี่คลอ พยายามเดินไปไวๆ แต่ทำได้แค่ก้าวช้าๆ ตอนนั้นคิดในใจ เจอผีพี่กูยังไม่กลัว และทรมานเท่าผีห่าจากที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ วันนั้นเราลงมาร้องไห้กับแม่เลย แล้วบอกหนูไม่อยู่แล้วชั้นนั้น ไม่เอาอีกแล้ว แม่ก็เลยบอกว่าให้นอนห้องแม่ก่อน..

พ่อเราก็เลยยอมให้ย้าย เราบอกให้เพื่อนผู้ชายไปขนของลงมา แต่เราไม่ขึ้นไปเลยนะ มาอยู่ที่เดิมที่ชั้นลอยที่มีหิ้งพระหน้าห้อง พอย้ายเสร็จพ่อเราเลยยอมเล่าเรื่องของที่ไปซื้อมาจากวัดสวนแก้ว แล้วมีผีติดตามมากับของ แต่พ่อเราเห็นว่ามันนานแล้ว คงไม่มีแล้ว เลยไม่ได้สนใจ และพ่อก็บอกว่ามันไร้สาระ แต่มันยังไม่จบ เพราะหลังๆ มา ทุกคืนแม่เราจะเรียกให้เราไปช่วยปลุกพ่อ พ่อนอนหลับแล้วหายใจไม่ออก ดิ้นเหมือนคนจะขาดใจ ต้องช่วยกันปลุก เป็นอยู่ 3 คืน จนวันนึง เราได้ยินพ่อตะโกนเสียงดัง เราก็นึกว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกัน เลยลงไปดู เราเห็นพ่อพังประตู และชี้ๆ บอกเนี่ย อีคนแก่เนี่ยที่เหยียบอกกู! แม่ก็แบบตะโกนบอกให้หยุดทำ พ่อก็ยังเดินตามไปเปิดประตูห้องนู่นห้องนี้ แล้วชี้เนี่ยอีแก่เนี่ย เห็นไหม? แล้วตะโกนบอกจะเอาไงกับกู ลูกกูก็เอาไปแล้ว แม่เราก็บอกให้หยุดทำ เพราะแม่กลัว แม่มองไม่เห็น เราก็ไม่เห็นเหมือนกัน พอเห็นพ่อทำแบบนั้นเราก็กลัวไปด้วย จนสรุปอีกวันก็ไปหาพระ พระก็เลยให้ยันต์ท้าวเวสสุวรรณมาติดหน้าห้องนอน และให้ขยันทำบุญมากๆ พระบอกดวงพ่อแข็ง แต่เจ้ากรรมนายเวรเขายังจะเอาหนักกว่านี้นะ และแม่เราก็เอายันต์ติดหน้าห้องนอน ก็ไม่มีเหตุการณ์นี้อีกเลย ที่พ่อหายใจไม่ออก หรือเจออะไรในห้องอีก และชั้น 4 ก็ทิ้งเป็นที่เก็บของแบบปิดตาย ไม่ไปยุ่งอีกเลย

แต่ติดแค่ห้องนอนพ่อแม่จ้ะ ห้องนอนเรานี่ยังไม่ติด ประตูห้องก็ยัง กึกกักๆ ทั้งที่แม่งไม่มีลมเหมือนเดิม แต่ชินแล้ว พ่อก็ให้เอายันต์ไปติดนะ แต่ช่วงนั้นอยู่หอเลยไม่ติด จนว่าง สัก 2-3 ทุ่มเลยเอามาติดหน้าห้องนอนตัวเอง เราก็ถามพ่อว่าต้องสวดมนต์อะไรไหม? พ่อบอกอ่านที่ใบมีคาถาอยู่ เราก็จำได้นะว่าเอาคาถาไว้ตรงนี้ ยังพูดกับกระดาษเลย อยู่นี่นะ ไปเอาธูปแพพ หันมาอีกทีอ้าวหาย! หายไปไหน!? พัดลมก็ไม่มี ลมก็ไม่มี หาแล้วหาอีกก็ไม่มี เริ่มตะงิดใจละว่าต้องเป็นแบบนี้ อะ แต่ไม่เป็นไร กูอ่านบรรทัดแรกไว้ จำได้อยู่ หาในเน็ตก็ได้จ้า ตอนนั้นเริ่มคิดว่าถ้ากูจุดธูปจะมีอะไรป่าววะ นี่มองธูปแล้วจุดไฟ ไฟกำลังจะติดทั้งหมด จู่ๆ เราได้ยินเสียงจากด้านบน แบบวิ่งลงมาหาเราอ่ะ เรานี่กำธูปแน่น แล้วเรียกพ่อแม่เสียงดัง ‘พ่อแม่อยู่ไหนนนนน!’ พ่อก็ตอบ มีอะไร? เราก็ถามพ่อว่า แม่ล่ะอยู่ไหน ตอบ! พ่อบอกแม่ก็อยู่หลังบ้านไง เท่านั้นล่ะ เรารู้เลยว่าข้างบนไม่มีใครอยู่ แล้วเสียงวิ่งนั่นก็กำลังมาหาเรา บอกเลย เจอบ่อยแค่ไหนก็ไม่ชิน วิ่งจ้าาาา~ 

เราวิ่งทั้งๆ ที่กำธูปแบบนั้นมาหาพ่อ แล้วบอกว่ามีเสียงคนวิ่งจากข้างบน มันวิ่งมาหาหนู พ่อก็ถามแล้วเราทำอะไรล่ะ เราก็บอกติดยันต์ไง แม่ก็เดินมาถาม แปะวันพระเนี่ยนะ เอ๋อเหรอ? เราก็อ้าว ก็ไม่รู้ พ่อก็เลยบอกให้แม่ขึ้นไปเป็นเพื่อน ทำให้เสร็จ เดี๋ยวจะไม่ได้นอน พอขึ้นไปทำต่อ ไฟแช็คไม่ติด ครั้งที่สองติดไม่หมด จนครั้งที่สามถึงจะได้ และมันน่าแปลกคือ พอติดยันต์เสร็จ ประตูเราก็ไม่มีเสียง กึกกักๆ อีกเลย ไม่มีเลยสักคืน เงียบกริบ.. แต่ก็รู้สึกบ้างนะว่ามันยังมีอยู่ โดยเฉพาะชั้น 4 แต่ต่างคนต่างอยู่ กูยกให้เลยทั้งชั้น จบ..

Story by ทวิตเตอร์ @nampet_zxt
Cr. สมาชิกพันทิป 3646802

ความคิดเห็น