เรื่องนี้มาจากคุณ ผึ้ง ชนทิชา สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณผึ้งเล่าว่า.. ครอบครัวเรา 3 คน พ่อ แม่ ลูก มักจะต้องเดินทางบ่อยๆ บางครั้งต้องจอดรถนอนข้างทางเพราะสามีขับต่อไม่ไหวก็มี เราเคยเห็นอะไรแวบๆ บ้าง แต่พอเล่าให้สามีฟังก็จะโดนบ่นว่าไร้สาระ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวเป็นตัวอย่างให้ลูก จะทำให้ลูกเป็นคนขี้กลัวไปด้วย

จนวันหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ พวกเราจำเป็นต้องไปค้างคืนที่คอนโดของพี่คนหนึ่งย่านศรีนครินทร์ (ตรงแยกศรีเอี่ยมเลย) ซึ่งเป็นห้องที่พี่เค้าซื้อทิ้งไว้ไม่เคยเข้าอยู่ และไม่เคยเข้าไปทำความสะอาดด้วย จนฝุ่นเกาะพื้นหนา นกเข้ามาทำรัง แอร์ก็เปิดไม่ได้ ต้องเปิดหน้าต่างระบายเอาไว้ ภายในห้องนอนจะมีเตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมที่นอนที่มีพลาสติกคลุมไว้ ขณะที่ไปถึงก็ดึกมากแล้ว จึงช่วยกันทำความสะอาดในส่วนห้องนอนก่อน เพื่อจะได้ให้ลูกนอนเพราะลูกง่วงมากแล้ว ก็เลยลืมขอพระเครื่องที่คล้องคอสามีมาวางใต้หมอน และสวดมนต์กราบหมอนขอพรให้พระคุ้มครองก่อนนอน

จนเห็นว่าลูกเคลิ้มหลับไป จึงออกมาช่วยสามีทำความสะอาดห้องน้ำ และห้องโถงต่อ ถูไปเกือบจะเสร็จแล้ว ลูกคงตื่นมาไม่เจอใคร เลยวิ่งออกมาจากห้องนอนร้องไห้งอแง ขอให้เราเข้าไปนอนเป็นเพื่อน ก็เลยโดนสามีดุไปยกใหญ่เหมือนเคย และพาลหันมาว่าเรา ว่าเลี้ยงลูกให้อ่อนแอ ขี้กลัวอะไรบ้าบอ วินาทีนั้นคือเราโกรธสามีมาก แต่ไม่อยากทะเลาะต่อหน้าลูก เลยขอพระเครื่องที่คอสามีมา แล้วพาลูกเข้านอนอีกครั้ง คราวนี้ไม่ลืมชวนกันสวดมนต์กราบหมอนก่อนเพื่อให้ลูกสบายใจ

ด้วยความโกรธปนความกลัว เนื่องจากรู้สึกไม่ค่อยดีกับห้องนี้ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาแล้ว ห้องทั้งอับ ทั้งเย็น ประตูกระจกบานใหญ่รอบห้องที่ไม่มีม่านบัง จนมองออกไปเห็นต้นไม้ไหวๆ มันวังเวง มันขนลุก คือสัมผัสได้เลยว่าห้องนี้มีอะไรแน่ๆ ก็แอบกล่าวในใจแบบไม่คิดอะไรไปว่า ‘ถึงบางสิ่งที่อาศัยอยู่ในห้องนี้ เรากราบวิงวอน ได้โปรดอย่ามาให้เรากับลูกได้เห็น ได้ยิน หรือได้รู้ถึงอะไรเลย เราแม่ลูกกลัวจริงๆ ถ้าคุณต้องการส่วนบุญ คนเดียวที่จะพาพวกเราไปทำบุญให้คุณได้ คือสามีเรา ได้โปรดไปหาเค้า ทำให้เค้ารู้ว่าพวกคุณมีอยู่จริง แล้วพรุ่งนี้เราจะไปทำบุญให้..’ จากนั้นเราจึงเตรียมตัวนอน โดยลูกนอนริมหน้าต่าง เรานอนกลาง และสามีนอนริมฝั่งประตูห้องนอน ก่อนที่เราจะหลับ สามีเปิดหนังตลกดูขำเสียงดัง จนเราต้องด่าบอกให้เบาๆ เสียงมือถือลงหน่อย จากนั้นเราจึงหลับไปพร้อมความเพลีย (ทำความสะอาดห้องจนตี 1 ได้)

จนกระทั่งเราสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคล้ายสามีหัวเราะ ‘เอิ้กๆ’ และรู้สึกเหมือนมือเค้ากระแทกโดนหลังเราหลายทีจนตื่น ด้วยความโมโหปนง่วง เราจึงหันไปตะโกนด่าทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ว่า ‘จะบ้าหรือไง! คนจะหลับจะนอน มาหัวเราะอะไรนักหนา ปิดมือถือแล้วนอนไปเลยนะ อย่าให้ได้ยินอีก ถ้าตื่นอีกจะลุกขึ้นมากระทืบให้เลย’ แล้วเราก็หลับสบายต่อจนเช้า

ตอนเช้าเรากับลูกตื่นมา ก็สงสัยว่าทำไมถึงเปิดไฟทิ้งไว้ทุกดวง และเห็นสามีเอาพระเครื่องจากใต้หมอนลูกมาใส่คอไว้ด้วย หน้าตาเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ก็เลยแกล้งถามไปว่า ‘เมื่อคืนดูหนังเรื่องอะไร ถึงขำทั้งคืน แถมมือยังมาสะบัดโดนตัวเราจนเราตื่น?’ เค้าไม่พูดอะไร.. แต่สั่งเราให้พาลูกไปล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อจะออกไปข้างนอก พอเดินมาขึ้นรถ เค้าถึงกล้าที่จะเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เราพาลูกไปเข้านอน เค้ากำลังถูห้องโถงอยู่ เห็นเหมือนใครเดินอยู่ตรงระเบียงห้อง เห็นเพราะกระจกมันใส และไม่มีม่าน พอเดินไปดูใกล้ๆ กลับไม่มีใคร ก็เลยคิดว่าคงเป็นเงาของต้นไม้มั้ง พอตอนอาบน้ำ ก็รู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่ตลอด คิดไปว่าคงเพราะแปลกที่อีกมั้ง จนเดินไล่ปิดไฟโถง แล้วเข้าห้องนอน เล่นมือถือ อ่านเฟส ดูนั่นนี่อยู่ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่ในห้องโถง เป็นเสียงฝีเท้าเดินวนไปมาอยู่นานหลายรอบ แล้วก็หยุดไปพักใหญ่ จนคิดว่าไม่น่ามีอะไรแล้ว..

แต่แล้วเสียงก็เริ่มเดินจากห้องโถงอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้กับประตูห้องนอน และประตูห้องนอนก็ดันเปิดอยู่ด้วย เค้าจึงลองจ้องออกไปที่นอกประตู เพื่อจะดูว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่? แต่เสียงนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องนอน โดยที่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเสียงฝีเท้าที่ยังเดินต่อ คล้ายกับเดินไปทางห้องน้ำที่อยู่ถัดจากประตูห้องนอนไป เค้าว่าเวลานั้นใจเค้าเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เพราะเสียงมันชัดมาก จนเสียงฝีเท้าหยุดไปอีกพักใหญ่ ให้เค้าได้หายใจหายคอบ้าง จากนั้นก็เป็นเสียงฝักบัว ซึ่งเค้ามั่นใจว่าไม่ได้เปิดน้ำทิ้งไว้แน่ เมื่อเสียงน้ำจากฝักบัวหยุด และเว้นช่วงไปซักพัก เสียงฝีเท้าก็กลับมาอีก! แต่ครั้งนี้เป็นเสียงจากห้องน้ำ ไปหยุดที่มุมประตูห้อง เค้ารีบหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องไปที่ประตู เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงนั้นคืออะไรแน่ ..แต่ก็ไม่มี!?

เค้ารู้สึกโล่งใจ จึงปิดมือถือเตรียมตัวนอน แต่แล้วในความมืดนั้น เค้าเห็นเป็นรูปร่างของผู้หญิงผมยาวๆ ยืนพิงประตูดูเหมือนหันหน้ามาทางที่เค้านอนอยู่ เจอจะๆ แบบนี้ ทำเอาเค้าถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แค่จ้องอยู่แบบนั้น จนรูปร่างนั้นค่อยๆ ขยับเดินตรงเข้ามาที่เตียงที่พวกเรานอนอยู่ ไม่ทันได้ลุกหนี รูปร่างนั้นก็ขึ้นมานั่งทับบนตัวเค้าแล้วอย่างรวดเร็ว! ทำให้เห็นรูปร่างนั้นชัดขึ้น เป็นผู้หญิงผมเผ้ารุงรัง หน้าตาดำคล้ำ มีเลือดเลอะที่ใบหน้า ก้มหน้าลงมาจ้องสามีเราตาเขม็ง มือมันจับแขนสามีเรากดลงไว้ทั้ง 2 ข้าง สามีเราพยายามดิ้นขัดขืน จนสะบัดมือมาโดนหลังเรา (ที่เรารู้สึกตัวว่าโดนกระแทกจนตื่น) เค้าก็พยายามร้อง แต่เรากลับได้ยินเป็นว่าเค้าหัวเราะ จนเราตื่นมาตะโกนด่า ดีนะที่เราหลับตาด่า ถ้าลืมตามาเห็นด้วยอีกคนคงอยู่ไม่ได้อะ แต่พอเจอเราตะโกนด่า มันคงงงๆ ด้วย สามีบอกว่าร่างนั้นก็เลยหายวับไป แล้วไม่กลับมาเดินอีกเลยจนเช้า.. ด้วยความกลัวจนสติจะแตก สามีรีบเอื้อมไปหยิบสร้อยพระเครื่องหลวงปู่ทวดที่อยู่ใต้หมอนลูก มาห้อยคอตัวเองไว้ พร้อมกับเปิดไฟไว้ทั้งห้องจนเช้าเลย ตอนแรกเค้าก็กะจะไม่เล่า เพราะยังต้องค้างที่นั่นต่ออีก 2 คืน แต่ก็กลัวจะมาอีกคืน เลยต้องเล่าให้เราฟัง เพื่อที่เราจะได้พาไปวัดทำบุญ และหาทางป้องกันค่ะ

Story by ผึ้ง ชนทิชา

ความคิดเห็น