เรื่องนี้เขียนโดยคุณส้ม Som FlyGirl (สมาชิกพันทิป 2698846) เกี่ยวกับประสบการณ์สยองบนเครื่องบินที่เล่าต่อๆ กันมาในแวดวงแอร์ – สจ๊วต เรื่องมีอยู่ว่า.. สำหรับทุกคน เวลาจะเดินทางด้วยเครื่องบินนั้น ก็จะต้องซื้อตั๋วเพื่อจะมีที่นั่งอยู่ในตัวเครื่องบิน หรือที่เค้าเรียกกันว่า ‘เคบิน’ ซึ่งเป็นโซนโดยสารที่มีออกซิเจนให้เราได้หายใจ แต่สำหรับคนตายหรือ ‘ศพ’ นั้น หากจะเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อจะนำร่างกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดตามประสงค์ของญาติ จะต้องถูกลำเลียงไปยัง ‘คาร์โก’ หรือส่วนใต้ท้องของเครื่องบิน (ที่เก็บสัมภาระ) เท่านั้น

แต่ทว่า ห้องพักของลูกเรือ (แอร์, สจ๊วต) ที่ใช้ในการนอนพักผ่อนระหว่างไฟลท์ยาวนั้น จะอยู่ใต้ท้องเครื่องแบบเดียวกับคาร์โก มีแอร์ มีออกซิเจน จะมีก็เพียงแต่กำแพงบางๆ กั้นกลางระหว่างห้องพักลูกเรือกับคาร์โก้เท่านั้น..

ลักษณะภายในห้องพักลูกเรือใต้เครื่องดูอึมครึม ประกอบไปด้วยม่านหลายต่อหลายชั้น ทั้งม่านด้านหน้าสุด เพื่อกันไม่ให้ไฟจากเคบินส่องเข้ามา และม่านกั้นของแต่ละเตียง แสงไฟที่มีทั้งหมดล้วนอยู่ด้านในเตียง ซึ่งเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าตัวคนเพียงนิดเดียว มีเตียงเรียงกันเป็นแบบเตียง 2 ชั้นทั้งหมด 8 เตียง ที่อยู่ในความมืด และแคบสุดใจ หากใครที่นอนอยู่ในนี้เพียงคนเดียวอาจจะต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะที่แห่งนี้มีเรื่องเล่ามากมายที่ถ่ายทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นเลยทีเดียว

เสียงลือเสียงเล่าอ้างมีอยู่ว่า.. วันหนึ่ง บนไฟลท์ที่ยาวกว่า 12 ชั่วโมง ลูกเรือทุกคนจึงมีสิทธิ์ได้นอนพักกันคนละ 3 ชั่วโมง ตามที่กฏหมายกำหนด เหตุผลเพื่อความปลอดภัยในเรื่องความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของลูกเรือ.. A ลูกเรือหญิงผู้ที่เหนื่อยล้า ง่วงและพร้อมหลับได้ในทันที เมื่อถึงเวลาพักของเธอ เธอจึงตรงไปยังท้ายเครื่อง มุ่งหน้าสู่ห้องพักลูกเรือทันที ขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆ เพิ่งจะเคลียร์ของเสร็จ และเลือกทำภารกิจอื่นก่อน บ้างก็กินข้าวก่อน บ้างก็ล้างหน้าทาครีมแล้วจึงลงไปนอน

A จึงเป็นคนแรกที่กดรหัสเข้าห้องพักมา พร้อมกับถุงชุดนอนจิปาถะที่เธอเตรียมมาเปลี่ยนก่อนเข้าไปนอน อากาศในห้องนี้เย็นยะเยือกจับใจ ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงฝีเท้าของเธอเองที่ค่อยๆ ปีนบันไดลิงลงมา ‘ตึ่ก.. ตึ่ก.. ตึ่ก..’ ท่ามกลางไฟที่มืดสลัว จะมีก็แต่แสงจากด้านบนสุดของราวบันไดเท่านั้น ม่านที่อยู่หน้าเตียงแต่ละเตียง บ้างก็ถูกรวบเอาไว้ด้านข้างเป็นอย่างดี บ้างก็หลุดไหลจนปิดเตียง

สายตาของ A มองปราดไปเห็น ‘ผู้หญิง’ นั่งอยู่ที่บริเวณกลางเตียงเตียงหนึ่งด้านในสุด ‘ใครวะ มาเร็วแท้?’ เธออดแปลกใจไม่ได้ ว่าคนนี้เป็นใคร แต่ด้วยความเหนื่อย และง่วง เธอจึงลืมนึกไปว่า นี่อาจจะไม่ใช่คน!!

A เดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัย ว่าเธอคือหนึ่งในลูกเรือไฟลท์นี้หรือไม่ แต่ด้วยการแต่งกาย และใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ‘นี่ไม่ใช่แอร์ในไฟลท์เรานี่? และในห้องนี้ก็ห้ามบุคคลภายนอกเข้านะ และถ้าจะเข้ามาก็ต้องรู้รหัส..’ A ฉุกคิดอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในห้องพักลูกเรือได้อย่างไร? ทำไมคนอื่นถึงไม่ดูแลทางเข้า-ออกให้ดี ถึงปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้..

ด้วยใจที่เริ่มไม่สบอารมณ์ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ A จึงตรงเข้าไปถามผู้หญิงคนนั้นทันที ‘คุณ คุณเป็นใครคะ? เข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร? คุณรู้ใช่ไหมว่าห้องนี้เข้าได้เฉพาะลูกเรือ ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามานะคะ..’ ด้วยไฟที่สะท้อนมาจากหัวบันไดที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนผู้นั้นจึงแลดูเศร้าหมอง และมืดมัวเสียเหลือเกิน ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าเบาๆ เท่านั้น นั่นยิ่งบันดาลโทสะให้ A รบเร้าให้ผู้หญิงคนนั้นรีบกลับไปยังที่นั่งให้เร็วที่สุด เพื่อเธอจะได้นอนเสียที

‘ฉันไม่มีที่นั่ง..’ เสียงหญิงสาววัยกลางคนตอบ เธอก้มหน้าตลอด ไม่สบตา และไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย.. ไม่ได้การณ์! เห็นทีคงจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ คงต้องให้ญาติมาเรียกตัวกลับ A หงุดหงิดอยู่ในใจพร้อมกับถามไปว่า ‘คุณนั่งมากับใคร และที่นั่งเลขอะไรคะ?’ ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ก้มหน้า เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ได้ความว่า ‘ฉันมากับสามี เขานั่งอยู่ที่ 45B’

โอเค.. ชั้นจะไปบอกสามีเธอให้มาตามเธอกลับ A ฟึดฟัดปีนบันไดกลับขึ้นไปยังที่นั่ง 45B ทันที ซึ่งมีผู้ชายนั่งที่ตรงนั้นจริงๆ แต่ติดตรงที่ ที่นั่ง 45A และ 45C ก็มีคนนั่งอยู่ ไม่ได้ว่างอย่างที่เข้าใจ.. เมื่อ A เดินไปด้านหน้าของชายที่นั่ง 45B เพื่อเริ่มบทสนทน ‘เอ่อ.. ขอโทษค่ะ คุณเดินทางมากับภรรยาใช่ไหม?’ ชายคนนั้นสะดุ้งตกใจ ตอบเพียงห้วนๆว่า ‘ใช่’ A ถามต่อว่า ‘คุณรู้ไหมว่าภรรยาคุณไปนั่งอยู่ในห้องพักลูกเรือข้างล่าง ไม่ยอมขึ้นมา คุณช่วยไปเรียกทีได้ไหม?’ ชายคนนั้นหน้าถอดสี พร้อมกับโวยวายใส่ A ทันที ‘โกหกน่า จะเป็นไปได้ยังไง’ A ชักจะฉุน ‘ชั้นไม่ได้ล้อเล่นกับคุณ เมียคุณนั่งอยู่ข้างในนั้นจริงๆ’ ชายคนนั้นถึงกับผงะ ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ และเปิดที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะตรงที่นั่งของเขา แล้วหยิบกรอบรูปออกมาให้ A ดู เป็นรูปขาวดำของหญิงสาวที่เธอเพิ่งเจอในห้องพักลูกเรือเมื่อครู่นี่เอง

‘ใช่คนนี้ไหม?’ ชายคนนั้นถาม.. A เริ่มจะอึ้งๆ ท่าไม่ดีแล้วสิ แล้วชายคนนั้นก็ร้องไห้ออกมา และโวยวายว่า ‘จะเป็นไปได้ยังไง เมื่อภรรยาของผมตายไปแล้ว และศพก็อยู่ที่ใต้ท้องเครื่อง เพื่อกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา..’ A ได้แต่สบตากับรูปถ่ายของผู้หญิงคนนั้น ไม่มีคำพูดใดๆ อีกเลย ไม่มีใครรู้ว่า A ทำยังไงต่อกับเหตุการณ์นี้ แต่ที่แน่ๆ A คงไม่กล้าเดินไปยังห้องพักลูกเรือตามลำพังอีกเลยตลอดชีวิตการบิน..

Story by คุณส้ม @SomFlyGirl (สมาชิกพันทิป 2698846)

ความคิดเห็น