เรื่องนี้เป็นเรื่องจากคุณ Pear Khomkrich สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณ Pear เล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยผมเรียนอยู่ ม.5 ที่จังหวัดขอนแก่นครับ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ ที่หน้าบ้านของผมเฉียงๆ ออกไปทางซ้ายมือจะเป็นบ้านของลุงคนหนึ่ง แกเป็นอาจารย์สักยันต์ มีลูกศิษย์มาสักกับแกเรื่อยๆ ล่ะครับ แต่จู่ๆ แกก็ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต แบบขยับไม่ได้ พูดคุยได้อย่างเดียว เวลานอนลูกชายแกก็จะคอยพลิกตัวให้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

อยู่มาวันหนึ่ง ตกดึกคืนนั้นผมรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา เวลาราวๆ เกือบเที่ยงคืนได้ครับ ผมก็ลุกออกมาฉี่ข้างกำแพงบ้านผมนั่นล่ะ เพราะผมไม่ค่อยเข้าไปฉี่ในห้องน้ำตอนกลางคืน ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เลยติดมาจนชินเป็นนิสัย พอผมฉี่เสร็จกำลังจะเข้าบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นหลังบ้านของลุงที่ป่วย หลังบ้านแกจะอยู่เยื้องๆ กับหน้าบ้านผม หน้าบ้านลุงแกจะติดถนนในหมู่บ้าน ระยะห่างจากบ้านผมกับบ้านแกก็ห่างพอสมควร ผมเห็นลุงแกทำอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว ผมเลยสงสัย และเดินเข้าไปถามดูด้วยความที่สนิทกัน

ผม: ลุงๆ ทำหยังอะ?
ลุงเห็นหน้าผมแล้วลุงตกใจมาก
ลุง: ทำกับข้าวกินหลานเอ้ย กำลังก้อยเนื้อ มากินกันบ่หลาน?
ผม: บ่เป็นหยังครับ ผมจะเข้านอนแล้ว ไปนอนก่อนเด้อ
ลุง: เออๆ ฝันดีเด้อบักหลาน

คุยกันเสร็จ ผมก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน ผมก็เปิดไฟแล้วเดินตรงไปที่ตู้เย็นกะว่าจะดื่มน้ำสักหน่อย ผมไปหยุดตรงหน้าตู้เย็นแล้วคิดขึ้นได้ว่า ลุงแกป่วยขยับตัวไม่ได้ไม่ใช่เหรอวะ? แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร? หรือลุงแกอาการดีขึ้นแล้วนะ.. ผมคิดไปต่างๆ นานา แล้วตอนนั้นเองก็มีมือมาแตะที่ไหล่ผม ผมตกใจสุดขีดเกือบร้องออกมาแล้ว แต่มือนั้นเป็นมือของแม่ผม แม่ถามผมว่า ‘ไปไหนมา?’ ผมตอบว่า ‘ออกไปฉี่ แล้วเห็นลุงที่ป่วยแกกำลังทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ผมเลยเดินไปคุยกับแกนิดหน่อย..’ แม่ผมได้ยินแบบนั้นแม่หน้าซีดเลย แม่บอกว่า ‘ต่อไปนี้ตอนดึกๆ ห้ามออกไปฉี่คนเดียวนะ! ห้ามไปที่บ้านนั้นคนเดียว ถ้าปวดให้เรียกพ่อกับแม่ออกไปเป็นเพื่อน ตอนนี้ไปนอนได้แล้ว..’ ผมก็งงๆ ว่ามันอะไรยังไง คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยเดินไปเยี่ยมลุงแกใหม่ก็ได้วะ แล้วผมก็เข้านอนไป..

พอถึงตอนเช้า ผมก็รีบลุกขึ้นทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ผมชวนพ่อแม่ไปเยี่ยมลุงคนนั้น พ่อก็งงว่าทำไมผมต้องรีบร้อนกระวนกระวายขนาดนั้น ทำยังไงได้ล่ะครับ ก็คนมันอยากรู้.. พอไปถึงบ้านลุง ผมก็เรียกลูกชายแกออกมา ‘พี่อ๊อดๆ อยู่ไหมครับ ผมมาเยี่ยมลุง’ สักพักพี่อ๊อดก็ออกมาเปิดประตูให้

พี่อ๊อด: อ้าว มากันครบเลยหรอ เข้ามาๆ ก่อนครับ
ผม: ลุงเป็นยังไงบ้างพี่?
พี่อ๊อด: ก็เหมือนเดิมแหละ

ผม: แต่เมื่อคืนผมยังเห็นลุงแกนั่งทำกับข้าวอยู่หลังบ้านอยู่เลยครับ
พี่อ๊อด: (หัวเราะ) จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ พ่อพี่ขยับไม่ได้ แล้วจะลุกไปทำกับข้าวได้ยังไง
ผม: แต่เมื่อคืน..

ไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ แม่ผมก็ส่งสายตาจิกหาผม เป็นการบอกความหมายว่า ‘พอได้แล้ว!’ แล้วผมก็มองไปที่ลุงที่นอนอยู่บนเสื่อ ไม่มีการไหวติงใดๆ ทั้งสิ้นครับ จากนั้นผมก็ขอลากลับบ้านไป แต่ตอนเดินออกมาถึงหน้าบ้านพี่อ๊อด ผมก็อดเหลียวมองเข้าไปในบ้านตรงที่ลุงนอนอยู่ไม่ได้ ผมเห็นลุงแกผงกหัวหันมามองที่ผมแล้วส่งยิ้มให้ผมด้วย!!! ผมอึ้งเลยครับ สายตานั้นดูน่าขนลุกมากๆ แม่ผมรีบจับแขนผมแล้วกระชากให้เดินตามกลับบ้านไปให้ไวที่สุด.. พอถึงบ้าน แม่บอกให้พ่อไปเอาพระมาแขวนคอให้ผมทันที พร้อมกับพูดว่า ‘มันจะอาศัยร่างมึง!’ แม่ผมบอกกับผมแบบนี้.. ‘มันบ่แม่นปอบ มันเป็นวิชาของคนเล่นของทางเขมร พอร่างมันพยุงสังขารของตัวเองบ่ไหวแล้ว มันสิหาร่างอยู่ใหม่! มันเป็นเดรัจฉานวิชา มันผิดกฏธรรมชาติ มึงห้ามไปอยู่ใกล้ลุงอีกเด้อ ห้ามแตะเนื้อต้องตัว ห้ามดื่มกินของจากบ้านหลังนั้นเด็ดขาด!’ หลังจากนั้นมาผมก็ทำตามที่แม่บอกทุกอย่าง

แล้วที่แปลกคือ พี่อ๊อดแกชอบเอากับข้าว เอาน้ำมะพร้าวมาให้บ้านผมอยู่เสมอ แกบอกว่าลุงเป็นคนบอกให้เอามาให้ บ้านผมก็รับไว้นะครับ แต่พ่อผมจะเอาไปทิ้งตลอด.. แล้วอยู่มาคืนหนึ่ง ผมก็ปวดฉี่อีกแล้ว ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ผมไม่ได้ปลุกพ่อให้ออกมาเป็นเพื่อน ขณะที่ผมยืนฉี่อยู่ข้างกำแพงบ้าน ผมก็มองไปที่หลังบ้านลุงเหมือนเดิม แล้วผมก็สังเกตเห็นขนไก่ปลิวว่อนเลยครับ เหมือนไก่กำลังโดนถอนขนออกอย่างบ้าคลั่ง! ตอนนั้นผมก็ไม่ได้กลัวนะ แต่มันอยากรู้มากกว่า! ผมค่อยๆ ย่องไปกะว่าจะดูให้รู้เรื่องไปเลยว่ามันคืออะไร และสิ่งที่ผมเห็นคือ ลุงแกกำลังถอนขนไก่อย่างบ้าคลั่ง ปากก็แยกเขี้ยวครางดัง ‘ฮือออ ฮืออออ’ น้ำลายไหลยืดเป็นทาง ลูกตาสีแดงก่ำ เห็นแบบนั้นผมเลยวิ่งอ้อมไปหน้าบ้านลุงเรียก ‘พี่อ๊อดๆๆๆๆ’ ไม่ทันไรพี่อ๊อดก็เปิดประตูออกมาถามว่า ‘มีอะไรวะ มาเรียกดึกๆ ดื่นๆ?’ ผมเลยบอกพี่อ๊อดให้ไปดูที่หลังบ้านแก แกก็ทำหน้าเซ็งๆ แบบอะไรของมันวะประมาณนั้น แล้วก็เดินไป ตอนนั้นผมก็จ้องลุงที่นอนอยู่บนเสื่ออย่างไม่ละสายตาเลย สักพักพี่อ๊อดเดินกลับมา หน้าตาซีดเชียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ แล้วแกบอกผมว่า กลับบ้านไปนอนไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง ผมก็พยักหน้าแล้วก็เดินกลับบ้านไปโดยที่มีพี่อ๊อดเดินไปส่ง ไม่มีใครพูดอะไรกันตลอดทางเลยครับ..

พอรุ่งเช้า แม่มาปลุกผมแล้วบอกกับผมว่า ‘ลุงแกตายแล้วนะ.. สงสัยแกหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วล่ะมั้ง ดีนะที่ไม่ใช่มึง แม่ก็ห่วงว่าลุงแกจะเอาร่างมึงไปซะอีก’ แล้วแม่ก็กอดผมครับ 

* วิชาของลุงแกเป็นวิชาหนึ่งของทางเขมรครับ เป็นวิชาที่ไม่ยอมให้ตัวเองตายตามธรรมชาตคือแบบแม้ร่างกายหยาบจะหมดสภาพแล้วแต่จิตนั้นยังคงอยู่แล้วก็จะหาร่างคนอื่นเป็นที่อาศัยไปพร้อมๆกับวิญญาณของเจ้าของร่างนั้นครับ คืออาศัยในร่างเดียวกัน ร่างกายเดียวแต่มี2วิญญาณอาศัยอยู่ด้วยกันประมาณนี้ครับ

Story by คุณ Pear Khomkrich

ความคิดเห็น