เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณไจแอ้นท์ครับ คุณไจแอ้นท์เล่าว่า.. ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดชลบุรีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง ซึ่งเป็นการเจอเรื่องลี้ลับแบบจังๆ ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตเลยครับ.. ย้อนกลับไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ผมน่าจะอายุราวๆ 8-9 ขวบได้ ถึงแม้ว่ายังเด็ก แต่ผมก็จำเหตุการณ์ และคำพูดสำคัญในตอนนั้นได้จนทุกวันนี้.. ครอบครัวของผมทำอาชีพค้าขายผักผลไม้ที่ตลาดสด อยู่ในตัวอำเภอเมืองชลบุรีครับ ขายตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณหัวค่ำกว่าจะกลับ ด้วยความที่ผมยังเด็ก ทำให้ผมต้องติดสอยห้อยตามพ่อแม่ไปที่ตลาดสดทุกๆ วันด้วย

บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังวิ่งเล่นกับเด็กๆ ลูกพ่อค้าแม่ค้ารุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ที่ตลาด อยู่ๆ ก็เห็นแม่กำลังเดินมาหาผม ในมือแม่ถือของพะรุงพะรังมาด้วย พอแม่เห็นผมแม่ก็บอกกับผมว่า ‘ไปลูก วันนี้แม่เก็บร้านเร็ว แม่จะไปธุระหน่อย..’ ผมก็ ‘อ้าว กลับแล้วเหรอแม่ กำลังเล่นสนุกๆ อยู่เลย แล้วแม่จะไปไหนล่ะ?’ แม่ก็บอก ‘เออน่า ไปได้แล้ว’ ทำให้ผมจำใจต้องรีบเดินตามแม่ไป ในใจก็หงุดหงิดตามประสาเด็กที่ยังอยากเล่นอยู่ พอเดินตามแม่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นพ่อผมคร่อมรถมอเตอร์ไซค์รออยู่แล้ว ผมกับแม่จึงขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อ แล้วก็มุ่งหน้าไปธุระ ซึ่งในตอนนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจหรอกว่า ธุระคืออะไร? รู้แต่ว่ามันคือเรื่องของผู้ใหญ่ พอพ่อขี่รถมาได้สักพัก พ่อก็เลี้ยวเข้าไปในซอยซอยหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทางกลับบ้านแน่นอน ผมเลยเอ่ยปากถามพ่อตามประสาเด็กว่า ‘พ่อๆ เราจะไปไหนกัน?’ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ตอบผม ยังคงขี่รถต่อไป ผมเองก็ไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ.. พอมาถึงปรากฏว่าเป็นวัดนั่นเอง ผมมองไปข้างหน้าเห็นกลุ่มคนกำลังยืนคุยกันอยู่บริเวณศาลาอะไรสักอย่าง พ่อก็จอดรถอยู่ตรงกลุ่มคนนั้น แล้วแม่ก็เดินตรงเข้าไปหากลุ่มคนเหล่านั้น ส่วนพ่อผมก็บอกผมว่า ‘เอ้าลูก ไปหาอะไรเล่นก่อนก็ได้ แต่อยู่แค่แถวๆ นี้นะ อย่าไปไหนไกลมาก เดี๋ยวพ่อกับแม่เสร็จธุระจะได้ไม่ต้องตามหา..’ ผมก็รับปากพ่อไป

แล้วสายตาของผมก็ไปเห็นกองทรายกองหนึ่ง เป็นทรายที่เขาใช้ก่อสร้างกำแพงวัด และกำลังมีเด็กๆ เล่นกองทรายกันอย่างสนุกสนาน ผมก็เลยเดินไปเล่นที่กองทราย.. เวลาผ่านไปสักพัก พ่อแม่ของเด็กๆ ที่เล่นทรายกันอยู่นั้นก็มาตามกลับบ้าน ไปทีละคนสองคน จนเหลือผมเล่นอยู่คนเดียว ผมเลยเดินไปหาอะไรอย่างอื่นเล่น เดินไปเรื่อยๆ ไปเจอศาลาหนึ่ง มันดูเงียบๆ ผมเดินก้าวเท้าขึ้นไปบนศาลานั้น ก็ไปเห็นลุงแปลกหน้าคนหนึ่ง ลุงแกนอนอยู่บนโต๊ะอะไรสักอย่าง กำลังหลับอย่างสบาย ด้วยความที่ผมก็ซนมาก ชอบแกล้งคนหลับให้ตื่น พอตื่นแล้วเขาก็จะด่า หรือวิ่งตาม ผมก็ชอบที่จะวิ่งหนี เมื่อเห็นลุงแกหลับอยู่ต่อหน้าต่อตา ผมจึงไม่รีรอที่จะเดินไปปลุกลุงแปลกหน้าคนนั้น ลุงแกเป็นคนค่อนข้างตัวเล็ก หน้าตอบๆ หน่อย สวมชุดสีขาวทั้งตัวเหมือนพวกถือศีล หรือนักปฎิบัติธรรม พอผมเดินมาใกล้ๆ มองไปที่หน้าลุงแบบประชิด ก็รู้ทันทีว่าแกกำลังหลับสนิท ผมจึงเริ่มเอามือเขย่าขาลุงให้ตื่น แรกๆ ก็เขย่าเบาๆ แต่ลุงแกไม่ยอมตื่น ก็เลยเริ่มเขย่าแรงขึ้นๆ แต่ก็ต้องแปลกใจที่เขย่าตั้งแรงแล้วลุงแกก็ไม่ตื่น ผมจึงเริ่มเบื่อ ที่การแกล้งคนให้ตื่นในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วหันหลังกลับกำลังจะเดินลงจากศาลาไป

ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังแบบไม้ ‘เอี้ยดๆ’ ผมจึงหันกลับไปมอง ก็เห็นลุงคนนั้นแกลุกขึ้นมา ท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนประมาณนั้น พอผมเห็นแบบนั้น ผมจึงเดินกลับไปหาลุงคนนั้นทันที พอลุงเห็นผมลุงแกก็ยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมก็ยิงคำถามใส่ลุงทันทีว่า ‘ลุงมานอนอะไรตรงนี้?’ ลุงบอกกับผมว่า ‘ลุงอยู่ที่นี่ ลุงถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดนี้..’ แล้วลุงก็ถามผมกลับว่า ‘ว่าแต่ไอ้หนู เอ็งมาทำอะไรบนศาลานี้ล่ะ?’ ผมก็ตอบกลับไปว่า ‘มาหาเพื่อนเล่นครับ’ จากนั้น ผมกับลุงก็นั่งคุยกันไปอีกพักใหญ่ ซึ่งลุงแกก็ถามผมตามแบบที่ผู้ใหญ่เขาชอบถามเด็กๆ กัน เช่น พ่อกับแม่ทำอะไร? บ้านอยู่ที่ไหน? ประมาณนั้น ผมก็ตอบไปตรงๆ ทุกอย่างเช่นกัน.. พอคุยกันไปสักพัก ลุงแกก็ขยับตัว และลุกจากโต๊ะตัวที่แกนอนหลับอยู่เมื่อสักครู่นี้ และทำท่าจะเดินไปทางด้านหลังศาลา พอลุงแกเดินไป ผมก็มองตามลุงไป เพราะตอนนั้นผมเองก็อยากเดินไปกับลุง แต่ในใจก็คิดว่าอยากกลับแล้ว ป่านนี้พ่อแม่จะเสร็จธุระหรือยังก็ไม่รู้ เพราะศาลานี้ก็ไกลพอสมควร ผมจึงไม่กล้าเดินตามลุงไป และคิดว่าจะเดินกลับไปหาพ่อแม่

พอผมหันหลังเดินไปได้แค่ 3-4 ก้าว ผมก็ได้ยินเสียงลุง แกเรียกผม ‘ไอ้หนู เอ็งจะกลับแล้วหรือ?’ ผมได้ยินแบบนั้นก็หยุดเดิน แล้วมองกลับไปที่ลุงพร้อมกับตอบไปว่า ‘ครับลุง ผมจะกลับไปหาพ่อแม่แล้วครับ..’ ลุงแกก็ส่ายหัว และทำหน้าแบบเสียดายอะไรสักอย่าง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ‘แหม เสียดายจริงๆ เลย ลุงกำลังจะพาเอ็งไปเดินเล่นหลังศาลานี้สักหน่อย มีของให้เล่นเยอะแยะเลย..’ ซึ่งคำว่า ‘ของเล่นเยอะแยะ’ มันทำให้ผมต้องเดินกลับไปหาลุงทันที ลุงยังบอกอีกว่า ‘มาๆ แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวลุงให้ของเล่นเอ็งเอากลับไปเล่นที่บ้านด้วย’ ผมได้ยินลุงพูดแบบนั้นก็ดีใจมาก ลืมพ่อแม่ไปทันที.. แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีลุงอีกคนหนึ่งเดินขึ้นมาทางบันไดหลังศาลา ทางที่ผมกำลังจะเดินไปพร้อมกับลุงคนแรก ลุงแปลกหน้าที่มาใหม่ ตัวสูงๆ ผอมๆ ใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาว อายุน่าจะพอๆ กันกับลุงที่กำลังจะพาผมไปเดินเล่น พอลุงแปลกหน้าคนที่สองนี้เดินขึ้นมา ก็ตรงปรี่เข้ามาหาลุงคนแรกทันที พร้อมสายตาที่จ้องมองมายังผมอย่างไม่ละสายตา ผมเองก็ตกใจ และกลัวการที่ลุงแกมองผมแบบนั้น แล้วลุงแปลกหน้าคนที่สองก็ยิงคำถามใส่ลุงคนแรกทันทีแบบเสียงดังว่า ‘จะพาเด็กไปไหน?’ ลุงคนแรกไม่ตอบ และทำทีท่าเหมือนกับว่าจะตกใจกับการมาของลุงคนที่สองนี้ ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาอย่างเดียว พอลุงคนแรกไม่ตอบ ลุงคนที่สองก็ถามซ้ำอีกครั้ง และเสียงดังกว่าเดิมว่า ‘ก็ถามว่าจะพาเด็กไปไหน?’ พอพูดจบ ลุงคนที่สองแกก็หันมาที่ผมทันที และพูดกับผมว่า ‘ไอ้หนู เอ็งไม่ต้องไปกับมัน พ่อแม่เอ็งอยู่ไหน กลับไปหาพ่อแม่ซะ หรือไม่ก็กลับบ้านไปซะ อย่าไปกับมันเด็ดขาด..’ ลุงคนที่สองพูดกับผมด้วยเสียงหนักแน่นเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก ในใจผมก็กลัวลุงคนที่สองนี้ตั้งแต่แรกที่เดินมาแล้ว ยิ่งแกมาดุผมแบบนี้ ผมจึงคิดว่ากลับดีกว่า ผมพยักหน้าตอบรับไป และกำลังจะเดินกลับ

ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้า ผมก็เห็นลุงคนที่สองฉุดข้อมือลุงคนแรกขึ้นมา พร้อมกับถามคำถามเดิมเป็นครั้งที่ 3 ว่า ‘ถามว่าจะพาเด็กไปไหน?’ ลุงคนแรกก็ไม่ตอบเหมือนเดิม พยายามจะสะบัดมือออกจากลุงคนที่สอง แต่ก็สะบัดไม่หลุด ฉุดกระชากเหมือนจะต่อสู้กัน ตอนนั้นผมยังเด็ก ก็ตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่มีผู้ใหญ่ 2 คน กำลังทะเลาะกัน ในใจก็คิดว่าพวกเขาทะเลาะกันเพราะผมเหรอ? จากนั้นลุงคนที่สองก็ถามคำถามใหม่ขึ้นมาว่า ‘แล้วเอ็งล่ะ จะเดินไปไหน? เอ็งไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เอ็งต้องอยู่ที่นี่ กลับไปนอนที่เดิมซะ!’ ลุงคนที่สองแกปล่อยข้อมือของลุงคนแรก และชี้นิ้วไปที่โต๊ะตัวที่ลุงคนแรกแกนอนหลับตอนที่ผมมาเจอตอนแรก ลุงคนแรกมองหน้าลุงคนที่สอง ส่ายหัวบ่นอะไรพึมพำๆ และเดินกลับไปที่โต๊ะ แล้วนอนลงไปบนโต๊ะตัวนั้น ลุงคนที่สองหันมาทางผม และบอกผมว่า ‘ไอ้หนู กลับบ้านไปได้แล้ว ไปๆ แล้วอย่ามายุ่งกับลุงคนนี้อีก’ พอพูดจบแกก็หันหลัง และเดินลงไปทางบันไดหลังศาลาที่แกเดินขึ้นมา ผมหันไปมองลุงคนแรก ก็เห็นแกนอนหลับเหมือนทีแรก

พอผมเดินกำลังจะถึงบันไดทางลง ก็ได้ยินเสียงแม่ผมตะโกนเรียกชื่อผม ผมจึงขานรับเหมือนทุกๆ ครั้ง ผมเห็นพ่อแม่ และผู้ใหญ่คนอื่นๆ อีกกว่า 10 คนเดินตรงเข้ามาหาผมกัน พอแม่เห็นผม แม่ก็เดินกึ่งวิ่งรีบมาหาผม พร้อมกับกอดผมทันที พ่อก็เดินตามหลังแม่มา จากนั้นแม่ก็พูดเชิงต่อว่าพ่อว่า

‘ดูลูกยังไง ทำไมปล่อยให้ลูกมาเล่นอะไรตรงนี้ ทำไมปล่อยให้ลูกมาเล่นกับศพ?’

ในตอนนั้นผมได้ยินคำว่า ศพ ผมก็เข้าใจนะว่าศพคือคนที่ตายแล้ว ผมจึงรีบตอบแม่ไปทันทีว่า ‘แม่ ลุงไม่ใช่ศพนะ เมื่อกี้นี้ลุงแกยังลุกขึ้นมาคุย มาเล่นกับผมอยู่เลย..’ จบคำพูดของเด็กใสๆ ที่พูดแบบซื่อๆ ของผม ทำเอาทั้งพ่อแม่ และผู้ใหญ่ทุกคนต่างเงียบ อึ้ง และมองหน้ากันไปมา แม่รีบพาผมเดินออกจากศาลา และพาผมกลับบ้านทันที แต่ระหว่างที่รถวิ่งออกจากวัด บังเอิญว่ามันต้องผ่านหน้าศาลาศาลาหนึ่ง ซึ่งสายตาผมก็ไปสบกับกรอบรูปหน้าศพที่ตั้งอยู่ในศาลา ซึ่งเป็นรูปของลุงคนที่สองที่ผมเจอเมื่อสักครู่นี้เอง..

ซึ่งพอผมโตขึ้นมา รู้เรื่องราวมากขึ้น พอลองย้อนคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ก็เลยเข้าใจทุกอย่าง และรู้ทันทีว่าสิ่งที่ผมเจอนั้นคืออะไร? แต่ที่ผมยังสงสัย และอยากรู้มากๆ นั่นก็คือ ลุงแปลกหน้าคนที่ขึ้นมาช่วยไม่ให้ผมเดินไปกับลุงคนแรกเขาเป็นใครกัน และมาช่วยผมทำไม? แล้วถ้าวันนั้นเขาไม่ได้มาช่วยผม แล้วเกิดผมเดินตามลุงคนแรกไปจริงๆ ..ลุงแกจะพาผมไปไหน? เรื่องราวก็มีเพียงเท่านี้ครับ

Story by คุณไจแอ้นท์

ความคิดเห็น