..ต่อจากตอนที่แล้ว

ผมเดินขึ้นมาถึงชั้น 3 ครับ แต่ตรงบันไดที่จะขึ้นไปต่อชั้น 4 มันดันขาด เหมือนมันพังลงมานานแล้ว มีแต่เศษปูน และเศษเหล็กกองอยู่เต็มไปหมด ระหว่างที่กำลังยืนดูกองเศษของบันไดอยู่ ด้วยความเงียบ เวลามีเสียงอะไรดังขึ้นมันจะดังชัดเจนมาก ‘แอ๊ดดด ด ด  ด’ เสียงเหมือนประตูกำลังเปิดออก พวกเรา 3 คนหันไปพร้อมกันไปยังต้นเสียง ซึ่งเป็นห้องห้องหนึ่งช่วงบริเวณกลางๆ ของชั้น 3 ผมส่องไฟไปยังห้องนั้น ประตูยังคงค่อยๆ เปิดออก แต่จู่ๆ ก็มีมือคนลักษณะผอมแห้งแทบจะเหลือแต่กระดูก มาเกาะอยู่ที่ขอบประตู! ตอนนั้นใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะละครับ ผมหันไปมองไอ้เพื่อน 2 คน ผมถามคำถามด้วยสายตาว่า ‘พวกมึงเห็นใช่ไหม?’ แต่ด้วยสีหน้าของพวกมันที่ทำหน้าตาตื่นกลัวสุดขีด ผมก็คงไม่ต้องรอคำตอบอะไรแล้ว จากภาพที่เห็นมืออันผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกเกาะอยู่ที่ขอบประตู ทันใดนั้นก็มีใบหน้าที่มีดวงตาลึกโบ๋โผล่ออกมาอย่างช้าๆ ในลักษณะชะโงกออกมา รับกับแสงไฟฉายของผมอย่างจัง! ‘เหี้ยยยยย!’ ผมร้องลั่นพร้อมกับหันหลังกลับทันทีครับ! แต่ก็ไม่ทันเพื่อนอีก 2 คนซึ่งวิ่งลงบันไดไปก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะไอ้แตง ขาเป๋แต่เสือกวิ่งเร็วชิบหาย! ผมวิ่งลงบันไดตามไปอย่างเร็ว โดยที่ยังมีภาพใบหน้านั้นติดตาอยู่ จังหวะที่ผมวิ่งมาถึงชั้น 2 ก็มีเสียง ‘ปั้ง ปั้ง ปั้ง’ เสียงปิดประตูอย่างแรงตามมาเป็นระยะๆ 4-5 ครั้ง อย่างกับหนังผีฝรั่ง

ผมวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นเพื่อนรัก 2 คนของผมยืนรออยู่ด้านหน้าโรงแรม ด้วยสีหน้าตื่นและกลัวสุดขีด! พอผมวิ่งพ้นประตูโรงแรมออกมาด้านนอกได้ ก็มีเสียง ‘ฟิ้วววว ตุบ!’ มันเป็นเสียงของอะไรสักอย่างที่ตกลงมาจากที่สูงลงสู่พื้นอย่างแรง! ผมเห็นไอ้แตงยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อ น้ำตาคลอ ผมตกใจกับสีหน้าของมันมาก ผมถาม ‘ไอ้แตง มึงเป็นอะไร มึงเห็นอะไร?’ มันพูดไม่ออก ตัวแข็งทื่อไปหมด ‘ฟิ้วววว ตุบบ!’ ‘ฟิ้ววววว ตุบบบ!’ เสียงนั้นมันยังคงดังไม่หยุด แต่เวลานั้นผมไม่ได้สนใจอะไรแล้ว นอกจากเพื่อนผมที่สติมันไม่อยู่กับตัว ส่วนไอ้กลมมันก็ยืนแข็งทื่อนิ่งไปด้วยอีกคน ผมยังคงเขย่าตัวเรียกสติไอ้แตง ถามว่ามันเห็นอะไร? มันยังคงช็อคกับสิ่งที่มันเห็น น้ำตามันคลอเบ้าจนไหลออกมา มันมองหน้าผม และค่อยๆ ชี้ไปผ่านไหล่ผมไปที่ด้านบนของโรงแรมที่อยู่ด้านหลังผม ผมหันหลังไปมองตามที่ไอ้แตงมันชี้ ทั้งๆ ที่เสียง ‘ฟิ้วววว ตุบบ!’ มันก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ นะ สิ่งที่ผมเห็น มันทำให้ผมถึงกับอึ้ง! ตัวแข็งทื่อ และพูดอะไรไม่ออก! มันทำให้ผมหายสงสัยกับเสียงที่มันกวนใจผมมาตลอด ซึ่งในชีวิตผมยังไม่เคยเห็นภาพอะไรที่มันน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน! ..ภาพที่ผมเห็นคือ ชั้นดาดฟ้าโรงแรมที่พอเห็นได้ชัดพอประมาณ จากแสงไฟข้างถนนที่ส่องไปถึง มีเงาของคนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ 4 คน และค่อยๆ ทิ้งตัวลงมาจากดาดฟ้าโรงแรม ทีละคน.. ทีละคน.. ‘ฟิ้วววว ตุบบ!’ ‘ฟิ้ววววว ตุบบบ!’ ..มันเป็นภาพที่ผมไม่ได้อยากดู แต่ด้วยตอนนั้นผมกลัวจนตัวมันแข็งทื่อไปหมด ได้แต่ยืนตาค้างมองดูร่างของคน 4 คน ที่ค่อยๆ ผลัดกันฆ่าตัวตายโดยการทิ้งตัวจากชั้นดาดฟ้าโรงแรมลงมาสู่พื้น ชัก และสิ้นใจ ซ้ำแล้วซ้ำอีก! ผมกลัวจนบอกไม่ถูก ยืนมองอยู่อย่างนั้น จนผมตั้งสติได้ แล้วค่อยๆ ขยับตัวลากเพื่อนอีก 2 คนให้ออกไปจากตรงนี้ แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงคนโดดตึกฆ่าตัวตายตามหลังมาไม่หยุด ..จนมาถึงริมถนน ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ไอ้แตง กับไอ้กลมก็ค่อยๆ อาการดีขึ้น พวกเรานั่งตั้งสติกันอยู่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่จนเกือบๆ ตี 4 ถึงได้พากันกลับมานอนที่ห้องผม

คืนนั้นทั้งคืนผมนอนไม่หลับเลย ภาพของคนที่โดดตึกฆ่าตัวตาย และใบหน้าคนตากลมโบ๋มันติดตาผมอยู่ทุกๆ ครั้งที่ผมหลับตาเลย ผมนอนลืมตาจนถึงเช้า และชวนไอ้แตงกับไอ้กลมไปใส่บาตร ไปวัดทำบุญกรวดน้ำให้กับสิ่งที่พวกเราเจอ แม้ว่าภาพน่ากลัวนั้นจะยังติดตาพวกเราอยู่ แต่มันก็ยังคาใจอยู่นิดหน่อย ว่าทำไมผมถึงเห็นพวกเขากระโดดตึกฆ่าตัวตายแบบนั้นซ้ำๆ เหมือนเทปกรอย้อนกลับไปมา ผมเลยไปหาอ่านเรื่องเกี่ยวกับคนฆ่าตัวตาย ว่ามันคือบาปร้ายแรงอย่างหนึ่ง ที่เมื่อตายไปแล้ว วิญญาณก็จะต้องมากระทำแบบนั้นซ้ำๆ เพื่อให้เกิดความทรมาน ให้สมกับบาปร้ายแรงที่ได้ก่อ.. แล้วยิ่งได้มาดูหนังเรื่อง ‘เด็กหอ’ ผมถึงยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ ว่าคนที่ฆ่าตัวตายนั้น จะต้องมาฆ่าตัวตายที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทรมานแบบนี้ไปจนกว่าจะหมดกรรม.. ก็ได้แต่หวังให้พวกเขาผ่านพ้นกรรมจากการฆ่าตัวตายครั้งนี้ให้ได้ไวๆ ด้วยเถอะ..

Story by คุณแอมป์ ชุติพงษ์

ความคิดเห็น