เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณโบว์ครับ คุณโบว์เล่าว่า.. เมื่อช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เรากับเพื่อนๆ อีก 4 คน (เพื่อนจากจังหวัดเดียวกัน) ได้นัดกันเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้านที่จังหวัดยโสธร แต่หมู่บ้านของเราเป็นบ้านป่า ซึ่งสงกรานต์จะไม่ครึกครื้นเท่าไหร่ ชาวบ้านเขาไม่ค่อยเล่นกัน บ้านเราจะอยู่ติดกับวัดเลย และอยู่ไม่ไกลจากเมรุอีกด้วยค่ะ กลุ่มเราจะเป็นพวกชอบสนุก ดังนั้นเพื่อนๆ ที่กลับมาด้วยกัน จึงแวะมาที่บ้านเรา และสังสรรค์กันอย่างเมามัน ใครกลับได้ก็กลับ ถ้ากลับไม่ไหวก็นอนที่บ้านเราไป เช้าค่อยว่ากัน..

แต่การกลับมาบ้านที่ยโสธรของพวกเราในครั้งนี้ ไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ ดา เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเรา ไม่สามารถมาด้วยได้อีกแล้ว เพราะดาเสียแล้วค่ะ จมน้ำตอนเก็บดอกบัวเมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คือพวกเราที่อยู่กรุงเทพฯ รู้ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้มาร่วมงานศพของดา เพราะต่างคนต่างยุ่งกับงาน และกำลังเก็บเงินเพื่อจะกลับมาบ้านช่วงสงกรานต์นี้ด้วย.. เรากับเพื่อนๆ ก็นั่งกินนั่งเล่นกันที่หน้าบ้านเราจนถึงดึก คือกำแพงบ้านเราจะติดกับวัดเลย ใช้กำแพงร่วมกันเลยค่ะ บรรยากาศบ้านนอกบ้านป่า ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ต้องเปิดพัดลมเลยล่ะค่ะ แสงสลัวๆ ของดวงจันทร์ที่ส่องลงมา บวกกับไฟในบ้านที่ส่องออกมา ได้อารมณ์ธรรมชาติดีทีเดียว

พอยิ่งดึกก็ยิ่งเมา เวลาตอนนั้นตี 1 ครึ่งเห็นจะได้ ก็นั่งร้องเพลงกันไป แถวบ้านเราไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เท่าไหร่ เปิดเพลงฟังไม่ได้ ก็เลยต้องสร้างบรรยากาศ ร้องสดได้อารมณ์กว่า.. ระหว่างที่ร้องเพลงไปเพลินๆ ไอ้ออฟ เพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มที่กำลังเมาได้ที่ ก็เอาช้อนเคาะจาน ยืนขึ้นบนแคร่ และโผล่หัวพ้นกำแพงบ้านมองไปทางเมรุ แล้วตะโกนขึ้นเสียงดังว่า ‘อีเหี้ยดา พวกกูกินกันอยู่ กลับมากันครบเลย มึงไม่คิดถึงพวกกูเหรอวะ? มึงไม่คิดถึงเพื่อนเหรอ? ปีนี้ขาดมึงคนเดียว ไหนว่าจะมาประแป้งกูไง มาๆ มากินกับพวกกูนี่!’ แล้วมันก็เคาะจานต่อ.. สักพัก มีลมเย็นจากไหนไม่รู้พัดมาวูบใหญ่ ขนหัวขนตัวลุกชูชันเลยค่ะ พวกเราต้องช่วยกันดึงแขนไอ้ออฟลงมานั่ง คือกลัวกันมากๆ เพื่อนก็คิดถึงอยู่หรอก แต่ผีเพื่อนนี่ไม่ได้อยากเจอกันหรอกนะคะ! พอไอ้ออฟเริ่มสงบ พวกเราก็กินกันต่อจนตี 2 กว่า บรรยากาศเย็นขึ้นมากกว่าเดิมอีก เราตัวเย็นมากจนต้องเอาผ้าห่มมาห่ม และเพื่อนๆ หลายคนก็เริ่มไม่ไหวกันละ อ้วกบ้าง น็อคบ้าง ส่วนไอ้ออฟมันน็อคนอนกับดินเลยค่ะ.. ตอนนั้นพ่อตื่นมาเข้าห้องน้ำพอดี พ่อเลยมาช่วยหิ้วเพื่อนๆ เราเข้าไปนอนกันในบ้าน นอนรวมกันในห้องเราทั้งหมดเลย 5 คน ผู้หญิง 4 คนนอนบนเตียง ส่วนไอ้ออฟนอนพื้นคนเดียวค่ะ

ทุกคนน็อคหลับกันหมดแล้ว แต่เรายังไหวเลยขออาบน้ำสักหน่อย โดยเราเปิดประตูห้องทิ้งไว้แล้วไปอาบน้ำ.. พออาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นหลานเราวัย ป.1 กำลังยืนรอเข้าห้องน้ำต่อ หลานเราพูดว่า ‘เพื่อนๆ พี่นอนอัดกันได้ยังไงตั้ง 5 คน?’ ตอนนั้นคือเราตกใจมากที่หลานบอกว่ามี 5 คน เราถามอีกครั้งว่า ‘เมื่อกี้บอกว่าเพื่อนพี่มีกี่คนนะ?’ แต่หลานเราก็ยังตอบว่า ‘ในห้องไง 5 คน..’ ไอ้เราก็ไม่กล้าพูดกล้าถามอะไรต่อ.. เดินกลับเข้าห้องไปก็นับได้แค่ 4 คน แล้วหลานเราเห็นใครเกินมา!? ..คืนนั้นเรานอนไม่หลับเลยค่ะ ไม่กล้าแม้กระทั่งลุกไปฉี่ (คนเมาจะเข้าห้องน้ำบ่อย) ..จนเช้ามา เราก็เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนก็ตกใจกันใหญ่ พวกเราเลยตัดสินใจลองไปถามจากหลานเราอีกครั้งให้ชัวร์ ว่าเมื่อคืนเห็นใคร แล้วก็ได้ความว่า.. ‘เมื่อคืนตอนรอเข้าห้องน้ำ ประตูห้องพี่เปิดอยู่ เห็นคนเยอะเลยมองเข้าไป ก็นับได้ 5 คน บนเตียง 3 คน ที่พื้น 2 คน ทุกคนหลับหมดยกเว้นพี่ผู้หญิงที่นั่งที่พื้น กำลังนั่งเอามือลูบหน้าพี่ผู้ชายอยู่ ..ว่าแต่พี่คนนั้นกลับไปแล้วเหรอ?’ เท่านั้นล่ะ ไอ้ออฟนี่แทบเป็นลมเลยค่ะ ทุกคนรู้กันทันทีว่านั่นคงจะเป็น ดา ที่มาหาตามคำทักของออฟเมื่อคืน ถึงจะกลัวจนขนลุก แต่พวกเราทุกคนก็อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้เพราะความคิดถึงเพื่อน วันนั้นพวกเราจึงพากันไปวัดทำบุญครั้งใหญ่ให้กับดากัน..

‘ดา พวกกูคิดถึงมึงเสมอนะ เพื่อนกันจนวันตาย คำนี้พวกเราไม่มีวันลืม..’ RIP

Story by คุณโบว์

ความคิดเห็น