เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเรื่องดังจากเดอะช็อค แอดฟังแล้วก็ว่ามันแปลกดี เรื่องนี้มาจากคุณเอ็มครับ โดยคุณเอ็มเล่าว่า.. เรื่องที่ผมจะเล่านี้เกิดขึ้นที่จังหวัดปทุมธานี ตอนนั้นเป็นปี 2538 ผมได้ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งผมเป็นผู้ป่วยหนัก จึงต้องนอนอยู่ที่ตึกผู้ป่วยหนัก ผมอยู่ชั้น 2 เป็นห้องรวมครับ มี 4 เตียง แต่มีแค่ผมกับลุงอีกคนหนึ่ง ผมก็นอนพักฟื้นไปตามปกติ แล้วก็มีคนไข้ใหม่เข้ามาเพิ่ม เตียงข้างๆ ผมนี่เอง เป็นผู้ชายวัยรุ่น ซึ่งตัวของเขาเหลืองมาก ตาก็เหลืองไปหมด ดูไม่มีเรี่ยวแรงเลย.. ต้องบอกก่อนว่าชั้นที่ผมอยู่นี้มีพยาบาลเฝ้าน้อย จะมีก็แค่พยาบาลวิชาชีพเท่านั้น.. คนไข้น้องใหม่คนนั้นเขาก็ตะแคงหันมาทางผม แล้วพูดกับผมว่า ‘น้าๆ ผมขอน้ำหน่อย..’ ผมจึงเอาน้ำแดงยื่นให้น้องเขาไป แล้วเขาก็เอาไปราดตัวเอง ด้วยความงง ผมก็ถามไปว่า ‘เอ้าน้อง ทำไมถึงเอาไปราดตัวล่ะ?’ น้องเขาก็บอกว่าเขาร้อน ผมเลยเรียกพยาบาลมาเพราะกลัวมดมันจะขึ้น พยาบาลก็เข้ามาตรวจดูอาการแต่ก็ไม่มีอะไร

จนตกดึกน้องคนนี้ก็หันมาเรียกผมอีกว่า ‘น้าๆ พาผมไปเข้าห้องน้ำหน่อย’ ผมก็เดินออกไปหาพยาบาล แล้วบอกพยาบาลให้มาช่วย แต่พยาบาลก็บอกว่าให้ผมเนี่ยช่วยหน่อยแล้วกัน เอากระโถนปัสสาวะไปวางให้น้องเขาบนเตียงที เพราะตอนนั้นไม่มีบุรุษพยาบาลเลย.. ผมก็ช่วยเอากระโถนไปวางบนเตียงให้น้องเขา แต่เขาก็ยังยืนยันว่าเขาจะเข้าห้องน้ำให้ได้ ผมก็ไปบอกพยาบาลอีก พยาบาลก็เดินมาดู ก็บอกให้น้องเขาปัสสาวะตรงนี้แหละ อย่าเข้าห้องน้ำเลย เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่น้องเขาก็ไม่ยอมฟัง แล้วก็ดึงสายน้ำเกลือทิ้ง พยายามจะไปเข้าห้องน้ำให้ได้ พยาบาลเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งไปหยิบยา ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นยานอนหลับมาฉีดให้ โดยฉีดยาเข้าไปในถุงน้ำเกลือ ลุงที่อยู่อีกข้างเตียงผมเห็นก็พูดประมาณว่า ‘ทำไมถึงไปฉีดยาใส่ถุงน้ำเกลือแบบนั้น ผู้ป่วยเนี่ยอาการหนักอยู่แล้ว อาจจะเป็นอันตรายได้..’ แต่พยาบาลก็ไม่ได้พูดอะไร พอฉีดยาให้เสร็จก็กลับออกไปนั่งดูทีวีต่อที่โต๊ะทำงานของเขา ส่วนน้องคนนี้ก็กลับยิ่งมีอาการหนักขึ้น เริ่มเพ้อ เหงื่อออกจนเปียกเต็มตัวไปหมด ผมเริ่มใจไม่ดีเลยรีบไปบอกพยาบาล แต่พอผมและพยาบาลกลับมา น้องเขาก็หยุดหายใจไปเสียแล้ว พยาบาลก็พยายามยื้อชีวิตเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้วครับ

พยาบาลจึงไปหยิบฟอร์มาลีน และสำลีมา แล้วขอให้ผมช่วยโดยการเอาสำลีจุ่มฟอมาลีนเนี่ยไปยัดปิดทวารไว้ทั้ง 7 ไว้ ไอ้ผมก็งงสิครับ ว่านี่ผมคนไข้นะ!? ทำไมผมต้องมาทำแบบนี้เนี่ย แต่ก็ช่วยๆ เขาไป เห็นใจว่าเขาเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ผมก็สวมถุงมือจัดการให้ พอเสร็จก็เอาศพน้องเขาใส่ถุงเก็บศพ ซึ่งผู้ป่วยติดเชื้อเขาจะใส่ถุงสีแดงครับ พอเอาศพใส่ถุงเสร็จเรียบร้อย ก็เอากระดาษที่มีชื่อผู้ป่วย และชื่อโรคติด แล้วก็แบกขึ้นบนเตียง และเอาศพลงชั้นล่าง ซึ่งต้องบอกว่าผมเนี่ยเป็นคนเข็นไปกับพยาบาลด้วยครับ พอเข็นมาถึงห้องดับจิต ก็จัดการเก็บศพใส่ในตู้เย็นให้เรียบร้อย ผมถอดถุงมือทิ้งในถังขยะ แล้วเดินกลับขึ้นห้องไป

คืนต่อมา ผมก็นอนหลับตามปกติ แต่เวลาประมาณตี 1 ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเหมือนได้ยินเสียงเหมือนคนเอาถุงก๊อบแก็บวางที่พื้น แล้วกระโดดเหยียบดัง ‘แก๊บ.. แก๊บ.. แก๊บ..’ ผมก็แปลกใจว่ามันเสียงอะไร? ก็เลยไม่นอนแล้วครับ นั่งฟังไอ้เสียงนี้แหละว่ามันดังมาจากทางไหน? แล้วมันจะไปทางไหน? แล้วเสียงก็หายไป.. ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอเสร็จก็เดินกลับออกมานอน ผมนอนหันตะแคงไปทางด้านขวา หันไปทางประตูกระจกซึ่งตรงไปจะเป็นบันได ทีนี้เสียงมันมาอีกแล้วครับ ‘แก๊บ.. แก๊บ.. แก๊บ..’ แต่เสียงมันมาจากทางบันได และค่อยๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ผมก็จ้องไปสักพัก สิ่งที่ผมเห็นคือ.. ถุงแดงครับ! ถุงแดงห่อศพที่ผมคุ้นเคยจากคืนนั้น และถุงแดงนั้นมันกำลังกระโดดขึ้นมาจากบันได! เหมือนมีคนอยู่ในถุงแล้วค่อยๆ กระโดดขึ้นมา ถุงนั่นก็ค่อยๆ กระโดดมาจนถึงหน้าประตูกระจก แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าประตูกระจก ยืนอยู่อย่างนั้น ผมรีบปลุกลุงข้างๆ เลยครับ แล้วก็ชี้ให้ลุงดู แต่ลุงแกกลับบอกว่าไม่เห็นมี แล้วก็ไล่ให้ผมไปนอน ตอนนั้นผมนี่ทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ ได้แต่นอนตาค้างมองอยู่อย่างนั้น มือสั่น เหงื่อแตกไปหมด พอเวลาผ่านไปสักประมาณ 5 นาที ถุงนั้นก็กระโดดลงบันไดไป.. พอตอนเช้าผมก็มาเล่าให้หมอที่มาตรวจฟัง หมอคนนั้นก็หัวเราะ และบอกผมแค่ว่า ‘ไม่มีอะไรหรอก..’

และในคืนต่อมา ผมก็ยังคงเจออีกเหมือนเดิม คือเป็นถุงแดงกระโดดขึ้นมาทางบันได มายืนที่เดิมประมาณ 5 นาที ก่อนจะกระโดดลงไป.. แต่ในคืนถัดไปเนี่ยผมไม่เห็นครับ แต่เป็นลุงข้างเตียงผมเนี่ยที่เห็น ลุงเขาชี้ให้ผมดูแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า ยกมือไหว้ ซึ่งผมนี่เข้าใจความรู้สึกลุงแกดีเลยครับ.. วันรุ่งขึ้น ผมกับลุงก็ได้ไปไหว้ศาลหน้าโรงพยาบาล ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว.. พอตกดึกคืนนั้น ผมก็นอนตามปกติ กำลังจะหลับ อยู่ดีๆ ก็มีก้อนอะไรไม่รู้กระเด็นมาโดนหลังผม ผมก็เอี้ยวมือไปหยิบดู ปรากฏว่ามันเป็นก้อนสำลีชุบฟอร์มาลีน! ผมนี่หลอนเลยสิครับ ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้ว.. เช้าวันถัดมาผมทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาลเลยครับ ไม่สนใจอะไรแล้ว..

Story by The Shock FM

ความคิดเห็น