เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณลีฟครับ คุณลีฟเล่าว่า.. ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมได้พาแฟนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในภาคอีสาน เราเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ จนถึงที่หมายในช่วงหัวค่ำ ด้วยความที่เดินทางมาเหนื่อย พอไปถึงบ้านเราก็กินข้าวกินปลา อาบน้ำเข้านอนเลย เหตุการณ์ก็ดูปกติเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

จนเช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้า เก็บข้าวของที่ขนมาจากกรุงเทพฯ จากนั้นก็มานั่งกินข้าวที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะม่วงใกล้ๆ ซึ่งด้านหลังแคร่จะมีบ่อน้ำ และถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นป่าช้าเก่า ซึ่งปัจจุบันมีต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่กลัวผี จึงไม่ได้คิดอะไร ก็นั่งเล่นตามปกติ.. หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็เผลอหลับไปบนแคร่นั้น จังหวะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น จู่ๆ ผมก็เห็นชายแก่ ผมขาว เคราขาวยาวรุงรัง ไม่ใส่เสื้อ นุ่งโจงกระเบนลายผ้าขาวม้า มาหยุดยืนที่ปลายเท้าของผมพร้อมกับหญิงวัยกลางคน และเด็กผู้หญิง พร้อมกับพูดขึ้นว่า ‘ขอน้ำกินหน่อย..’ ตอนนั้นผมขยับตัวไม่ได้ จะเปล่งเสียง เสียงก็ไม่ออก อาการเหมือนโดนผีอำ ผมทำได้แค่กรอกตาไปมาพร้อมกับพูดในใจว่า ‘ที่นี่ไม่ใช่บ้านผม ถ้าจะขอต้องไปขอกับแม่แฟนผม ที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ไม่ไกลกันมาก..’ หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 3 ก็เดินไปเลยครับ พอผมได้สติ หลุดจากการโดนอำ ผมรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองหาคน 3 คนนั้น แต่ก็ไม่เห็นใคร

ผมไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่แฟนฟัง ซึ่งแม่แฟนผมก็บอกว่าเคยเจอเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนนอนอยู่ที่แคร่นั้นเคยฝันเห็นผู้หญิงวัยกลางคนกับเด็กมาขอน้ำกิน ในฝันแม่ก็ให้กิน แล้วพอตื่นมาก็เจอแก้วน้ำเย็นวางอยู่บนแคร่ที่นอนอยู่นั่น ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง.. จากนั้นมาแม่แฟนก็ทำอาหารใส่กระทงไปวางไว้ตรงบริเวณนั้นเสมอ เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่เห็นอาจจะเป็นเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งแม่แฟนก็ทำสม่ำเสมอเรื่อยมา จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่บ้านค่อนข้างยุ่งกับการทำงาน จนลืมไม่ได้ทำอาหารใส่กระทงไปวางไว้เหมือนเคย ปรากฏว่าแม่แฟนก็ได้ล้มป่วยลง มีอาการปวดขามาก จากคนที่เดินเหินได้ปกติกลายเป็นปวดจนเดินไม่ไหว ไม่ว่าจะทายา ฉีดยา หาหมอเท่าไหร่อาการก็ไม่ทุเลาลงเลย และหมอก็ไม่สามารถวินิจฉัยถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น บอกเพียงว่าโอกาสที่จะต้องตัดขามีสูงมาก ไม่อย่างนั้นอาจเสียชีวิตได้หากปล่อยเอาไว้.. สุดท้ายแฟนผมเลยต้องพึ่งไสยศาสตร์ พาแม่ไปหาร่างทรงชื่อดังที่กรุงเทพฯ ซึ่งร่างทรงก็บอกกับแม่ทันทีว่า ‘มีวิญญาณตามมาจะเอาชีวิต’ แม่แฟนได้ฟังก็ตกใจ เลยเล่าเรื่องที่ฝัน และเรื่องที่ทำกระทงอาหารไปวางให้ร่างทรงฟัง

ร่างทรงท่านบอกว่า ‘นั่นไม่ใช่เจ้าที่เจ้าทางหรอก แต่เป็นพวกสัมภเวสีต่างหาก ห้ามทำแบบนั้นอีก เพราะเมื่อมันได้รับไปแล้ว หากวันใดที่เราลืมให้อาหารพวกเขา พวกเขาจะหิว และจะติดตามเรา ทำร้ายเรา หรือมาเอาชีวิตเราไปด้วย หลังจากพูดเสร็จท่านก็เริ่มพิธีกรรม โดยทำกระทงใส่ข้าวเสก ให้แฟนผมกับพ่อแฟนเอาไปวางไว้ที่ทางสามแพร่งบริเวณใกล้ๆ นั้น พร้อมกำชับว่า ‘วางแล้วห้ามหันกลับไปมองโดยเด็ดขาด..’ จากนั้นแฟนกับพ่อแฟนก็รีบทำตามที่ร่างทรงบอก โดยนำไปวางแล้วเดินกลับออกมาอย่างไว แต่ระหว่างที่หันกลับออกมานั้น ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังกินกระทงข้าวที่เพิ่งนำไปวาง ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไม่มีทั้งสัตว์ หรือคนผ่านไปมาเลย แฟนกับพ่อแฟนได้ยินแบบนั้น ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบกลับเข้าบ้านร่างทรงทันทีเลยครับ.. จากนั้นก็ทำพิธีเรียกวิญญาณสัมภเวสีลงหม้อ โดยท่านก็บริกรรมคาถาพร้อมกับใช้ผ้าแดงปิดปากหม้อ เพื่อให้นำไปถ่วงลงคลอง ซึ่งตอนไปถ่วงน้ำนี่ล่ะครับ แฟนผมเล่าให้ฟังว่า หม้อดินเผาขนาดใบไม่ใหญ่มาก และตอนถ่วงก็ยืนอยู่บนสะพานที่ไม่สูงนัก แต่เสียงที่ได้ยินตอนหม้อกระทบกับผิวน้ำนี่สิ มันดังอย่างกับเสียงคนตัวใหญ่ๆ กระโดดลงไปในน้ำยังไงยังงั้นเลย..

หลังจากทำพิธีเสร็จ ก็พาแม่กลับบ้านพร้อมกับความหวังว่าแม่จะหายจากอาการปวดขา ซึ่งปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน อาการของแม่แฟนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่มีอาการปวดขามาก ปวดจนนอนไม่หลับ ทนไม่ไหวจะขาดใจ ก็หายเป็นปลิดทิ้งเสียเฉยๆ กลับมาเดินเหินได้ตามปกติจนทุกวันนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะฝันสักประมาณ 3 ปีได้ครับ และนับตั้งแต่วันที่ผมรู้เรื่องนี้ ผมก็ไม่กล้าไปนอนที่แคร่ไม้ไผ่นั้นอีกเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ส่วนผมเชื่อครับ และก็ไม่อยากลบหลู่ด้วย..

Story by คุณลีฟ

ความคิดเห็น