เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณดิสนีย์ครับ คุณดิสนีย์เล่าว่า.. เหตุการณ์นี้ผ่านมา 2 ปีแล้วค่ะ ตอนนั้นเราอยู่ ม.4 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตรค่ะ ช่วงนั้นที่โรงเรียนเรากำลังจะมีงานวันวิทยาศาสตร์ แล้วนักเรียน ม.ปลาย จะมีหน้าที่จัดบูธกันค่ะ โดยแบ่งกันจัดเป็นห้อง ห้องละบูธ วันนั้นกว่าเราจะจัดเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบๆ ทุ่มแล้ว ทีนี้เรามีเพื่อนคนหนึ่งอยู่คนละห้องกัน แต่เราต้องกลับบ้านพร้อมกัน เพื่อนเราคนนี้มันก็บอกว่า ‘รอกูก่อนได้ไหม? บูธไม่เสร็จเลย..’ เราไม่ได้ติดอะไร ก็รอได้ เพราะยังไงก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้อยู่แล้ว เราก็นั่งเล่นรอมันไป

ตอนนั้นเหลือแค่ไม่กี่ห้องที่ยังจัดบูธกันไม่เสร็จ นักเรียนในโรงเรียนก็เริ่มทยอยกลับบ้านกันหมดแล้ว ครูที่เหลืออยู่ก็จะเป็นครูฝ่ายวิทย์ ที่จะต้องคอยคุมเด็กจัดบูธ.. เรานั่งเล่นไปสักพักเพื่อนเราก็เดินมา แต่มันบอกว่าให้ไปเอาของเป็นเพื่อนมันหน่อย มันลืมไว้บนตึกเรียน เราก็เลยเดินไปเป็นเพื่อน ตอนนั้นไปกันทั้งหมด 3 คน สถานที่จัดบูธกับตึกเรียน ม.ปลาย ห่างกันพอสมควร ประมาณ 2 ช่วงตึก ต้องผ่านตึก ม.1 และ ตึก ม.2-3 ไป ระหว่างที่เดินไป ก็เห็นว่าตึกปิดไฟหมด เดินคุยกันไปเรื่อยจนถึงหน้าตึก ม.ปลาย คือต่างคนต่างมองหน้ากัน เพราะเริ่มรู้สึกกลัว บรรยากาศมันวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ปกติก็ไม่ค่อยจะได้อยู่โรงเรียนเวลาแบบนี้เท่าไร แล้วตอนที่กำลังจะก้าวขึ้นตึกเรียน พวกเราก็ได้ยินเสียงรองเท้านักเรียนหญิงดังกระทบกับพื้น เหมือนเสียงคนเดินขึ้นบันได พวกเราก็ค่อยอุ่นใจว่า เออ..ยังมีรุ่นพี่อยู่บนตึก จะได้ไม่ต้องกลัว

พวกเราเดินไปชั้นแรกคือห้องซาวน์แทรค เป็นของครูภาษาอังกฤษซึ่งปิดไฟมืด แล้วก็ผ่านชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 3 ห้องเพื่อนเราอยู่ติดบันได มันก็เดินไปเอาของกัน ส่วนเราก็เดินเล่นรอ เพราะอยากรู้ว่ารุ่นพี่ที่เดินมาก่อนหน้าเราเขาไปไหน? เพราะที่ผ่านมา 2 ชั้นก็ไม่เห็นมีใคร ห้องก็ถูกล็อคและปิดไฟหมด ก็เหลือแค่ชั้นนี้.. เราเดินไปดูทุกห้อง แอบส่องจากกระจกบานเกล็ดบ้าง ดึงประตูบ้าง จนถึงห้องสุดท้ายสุดริมทางเดินซึ่งก็ไม่มี.. อ้าวเห้ย!? แล้วรุ่นพี่คนนั้นอยู่ไหนละ? แต่ตอนขึ้นมาได้ยินเสียงคนเดินจริงๆ ตอนนั้นเพื่อนเรามันก็ออกมาพอดี เราก็มองหน้ากัน เหมือนเพื่อนเรามันจะรู้ใจเพราะคงเห็นเราหน้าเสีย พอเรากำลังวิ่งกลับไปหาเพื่อน เราก็ได้ยินเสียงเหมือนตอนแรกเลย คือเสียงรองเท้านักเรียนหญิง แต่คราวนี้ไม่เดิน เป็นวิ่งแทนค่ะ เสียงวิ่ง ‘ตึกๆๆ’ ดังมาตั้งแต่ชั้นแรก แล้วเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับกำลังขึ้นมาทีละชั้น! ตอนนั้นเราวิ่งไปหาเพื่อนกลัวแทบตาย แล้วเราก็สะดุดค่ะ ล้มลงตรงเท้าเพื่อนเราพอดี มัน 2 คนเลยลากเรา แบบลากคอเสื้อเข้าไปในห้องเรียน ปิดประตู แล้วไปนั่งกอดกันกลมอยู่ที่มุมห้อง..

คือนั่งกันเงียบมาก เพราะกลัวเสียงรองเท้าวิ่ง ปรากฏว่าเสียงวิ่งก็มาหยุดตรงหน้าห้องพอดี แล้วตรงใต้ประตูมันจะมีช่องอยู่ ก็เห็นเลยว่าเป็นเงาเท้ามาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง พวกเรา 3 คนเห็นเหมือนกันหมดทุกคน แล้วพอดีว่าในห้องเรียนมันจะมีหิ้งพระอยู่ค่ะ เราเลยปีนโต๊ะไปยกพระพุทธรูปมาเลย เอามากอดไว้ คือแบบตอนนั้นกลัวมากๆ ค่ะ แล้วทีนี้ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ‘ก๊อกๆ’ คือยังเห็นเงาเท้าอยู่ตลอดนะคะ เราก็ไม่ไปเปิด มันก็เงียบไป.. จนสักพักก็ดังอีก ทีนี้ดังแบบเหมือนแบมือตีประตูน่ะค่ะ ‘ปังๆๆ!!’ ดังมาก พวกเราก็สะดุ้งตกใจ คือเพื่อนเรามันกลัวจนร้องไห้กันแล้ว เราก็มองหน้าพวกมันแล้วบอกว่า ‘เดี๋ยวกูไปเปิดตูนะ ถ้าเปิดมาแล้วไม่มีอะไร ก็รีบวิ่งลงชั้นล่างกันเลยนะ!’ พวกมันพยักหน้าตอบ เราก็อุ้มพระไปด้วย ในใจก็กล้าๆ กลัวๆ พอไปถึงประตู นับ 1 2 3 ในใจ ‘ฮึบ!’ เปิดประตูออก.. เป็นอย่างที่คิดเลยจ้า แม่งไม่มีอะไรเลย! เท่านั้นแหละ วิ่งกันหน้าตั้งตาเหลือกตาปลิ้นลงบันไดมา แล้ววิ่งต่อ 4×100 จนไปถึงที่จัดบูธเลย.. ไปหาครู ครูก็ตกใจที่เห็นเราอุ้มพระวิ่งหน้าตั้งมา ครูถามว่า ‘เป็นอะไร..ไปทำอะไรมา?’ พวกเราก็เล่าไป ร้องไห้ไป แต่ครูกลับร้อง ‘อ๋อ..’ และบอกว่า ‘เห้อ..สงสัยจะยังไม่ไป ยังจะคอยมาแกล้งรุ่นน้องอีก..’ คือครูเล่าประมาณว่า ‘เคยมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังจะเรียนจบแล้ว แต่มาโดนรถชนตายเสียก่อน เขาคงยังห่วงเรื่องการรับใบประกาศนียบัตร ก็เลยยังไม่ไปไหนเสียที วนเวียนอยู่ที่ตึกเรียน แล้วก็มาคอยแกล้งรุ่นน้องรุ่นต่อไปเรื่อยๆ..’ พวกเราได้ยินแบบนั้นก็ขนหัวตั้งเลยสิคะ.. จนปัจจุบันเหมือนทางโรงเรียนจะได้ทำพิธีเชิญวิญญาณไปแล้วล่ะค่ะ

Story by คุณดิสนีย์

ความคิดเห็น