เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเอม (นามสมมติ) คุณเอมเล่าว่า.. ขอท้าวความก่อนเลยนะคะ เราเป็นคนเกิดวันพระใหญ่ อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีค่ะ ตั้งแต่เด็กเราจะเป็นคนสุขภาพไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร ตัวก็เล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเสมอ เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลมาโดยตลอด เดือนหนึ่งบางที 2 ครั้ง พอออกมาไม่กี่วันก็ป่วยแล้วก็เข้าไปอีก ที่บ้านก็เข้าใจว่าที่โรงเรียนอาหารไม่สะอาด ก็ให้ย้ายโรงเรียนไปเรื่อย เป็นแบบนี้จนกระทั่งอายุ 15-16 เลยค่ะ.. มีวันหนึ่ง พ่อแม่พาเราขับรถไปรับคุณยายที่วัดช่วงเข้าพรรษา คือคนแก่เขาจะไปกินนอนถือศีลที่วัดทุกวันพระน่ะค่ะ ระหว่างรอคุณยายเก็บของ ก็มีเพื่อนคุณยายคนหนึ่งเรียกเราเข้าไปหา ท่านก็จับที่ใบหูเราแล้วถามว่า ‘ป่วยบ่อยใช่ไหม?’ เราก็คิดในใจว่า ใครๆ ก็รู้ว่าเราไม่ค่อยแข็งแรง.. ท่านก็บอกอีกว่า ‘เนี่ย ต้องรับเป็นร่างทรงนะ แล้วจะหายป่วย..’ เราก็ยิ้มไปตามมารยาท แต่บอกตรงๆ ว่าเราไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เอามากๆ เพราะพ่อแม่เราค่อนข้างจะเชื่อในทางวิทยาศาสตร์ค่ะ

จนกระทั่งผ่านวันเกิดตอนอายุ 25 มาเพียง 2-3 วันเท่านั้น เรากำลังกินข้าวสังสรรค์กันกับเพื่อนๆ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มมีปัญหาเรื่องความรักค่ะ บอกว่าอยากเลิก แต่เลิกไม่ได้เสียที ต้องกลับไปทนให้เขาทุบตี บางครั้งถูกตีคิ้วแตก โดนสารพัดเลย แต่เพื่อนเราก็ยังดูแลเขา รถ เงิน ทุกอย่างเอาให้เขาใช้หมดเลยค่ะ คือเพื่อนๆ ทุกคนต่างเอือมกับพฤติกรรมของแฟนเพื่อนคนนี้มาก.. ระหว่างที่เพื่อนเล่าอยู่ จู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงคล้ายเสียงสวดมนต์ แต่มันเป็นภาษาที่เราไม่คุ้นเลย และมันทำให้เรารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เราพยายามมองไปทางเพื่อนๆ คนอื่น ว่าจะได้ยินเหมือนกันไหม? แต่ทุกคนกลับดูปกติมาก จนกระทั่งสายตาเราไปสะดุดกับด้านหลังของเพื่อนคนที่กำลังปรับทุกข์เรื่องความรัก ทั้งที่เพื่อนเราก็นั่งหลังติดกำแพง แต่เรากลับเห็นคนแก่เป็นเงาดำๆ กำลังนั่งสวดแล้วเป่าที่หัวเพื่อนเราอยู่ ถึงจะเห็นแค่แวบเดียว แต่ภาพนั้นน่ากลัวมากๆ และติดตามาก เราถึงกับต้องขอตัวกลับออกมาก่อน.. ทำเอาคืนนั้นเรานอนคนเดียวไม่ได้เลย นอนก็นอนไม่หลับ นั่นคือครั้งแรกเลยที่เราได้เห็นอะไรแบบนี้ ภาพมันวนเวียนอยู่ในหัวตลอด

จนรุ่งเช้า เราตัดสินใจเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายยังค่อนข้างหัวโบราณนิดนึง จึงรีบพาเราไปตำหนักร่างทรง ลักษณะเป็นบ้านไม้เหมือนสมัยก่อน ใต้ถุนโล่ง พอขึ้นไปเราก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ร่างทรงฟัง ร่างทรงก็บอกเราว่า ‘ให้ตั้งสมาธิให้ดี หากอยากหายจากโรคภัยไข้เจ็บ จะต้องอุทิศตนเป็นร่างที่ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนใจ โดยให้ถือสัตย์ปฏิญาณโดยมั่น ว่าจะช่วยให้ทุกสิ่งที่มีชีวิต ที่มาพึ่งเราให้พ้นทุกข์ทั้งหมดทั้งสิ้น มิฉะนั้นตัวเราเองจะไม่หายจากโรคภัย และจะตายด้วยโรคภัยต่างๆ นานา..’ ด้วยความที่เราก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็กลัวมากๆ เราจึงตอบตกลง และทำพิธีตามที่ร่างทรงแนะนำ

หลังจากที่เรารับร่างมา ร่างกายเราก็ดีขึ้นจริงๆ ค่ะ จากที่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ มันก็ดีขึ้นมาก เป็นอะไรแค่กินยาก็จะหายได้เหมือนคนอื่นๆ แต่ว่า.. มันเหมือนกับมีอีกคนหนึ่งที่ใช้ร่างของเราอยู่ด้วย ซึ่งหากใครโดนทำของ ดวงตก หรือมีอะไรตาม เราจะมองเห็นทั้งหมด และจะสามารถบอกวิธีแก้ วิธีผ่อนหนักเป็นเบาให้ได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่เราจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาแนะนำหรือสัมผัสกับอะไรได้ เช่นบอกเขาให้เตรียมของสะเดาะเคราะห์อะไรมาบ้าง ซึ่งโดยปกติเราเองจะไม่ทราบเรื่องพวกนี้เลย คือสรุปได้ว่า มันเหมือนมีใครอีกคนหนึ่งในร่างเรา ที่จะคอยช่วยเหลือทั้งเรา และคนที่เข้ามาหาด้วยความเดือดร้อนนั่นเองค่ะ และเราจะต้องอุทิศร่างนี้ไปชั่วชีวิตตามที่ได้ถวายคำสัตย์ไปแล้วค่ะ ภาพต่างๆ ที่เรามองเห็นบางครั้งมันก็ทำให้เรากลัวค่ะ แต่จนถึงตอนนี้ก็หลายปีแล้ว กลายเป็นพอจะเริ่มอยู่กับมันได้แล้ว แต่ก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะ

Story by คุณเอม (นามสมมติ)

ความคิดเห็น