เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณนิ่มครับ โดยที่จะเล่าต่อไปนี้ ขอใช้เป็นนามสมมติทั้งหมด คุณนิ่มเล่าว่า.. เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาหลายรุ่นนะคะ คือสมัยที่คุณย่าทวดของนิ่ม (แม่ของคุณย่า) ยังสาวๆ ชื่อว่า ย่าเเจ่ม ช่วงนั้นที่หมู่บ้านในต่างจังหวัด มีคนเจอกระสือกันบ่อยมาก เเต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครที่เป็นกระสือค่ะ จนย่าเเจ่มได้ไปเจอไปรู้จักกับ ปู่เฉลิม ค่ะ ทั้งคู่ก็ชอบพอกันมาก เวลาผ่านไปไม่นาน ปู่เฉลิม กับย่าแจ่มก็ตกลงเเต่งงานกันค่ะ

ย่าเเจ่มเลยต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านปู่เฉลิม บ้านจะเป็นบ้านไม้เก่าๆ มี 2 ชั้น เเละค่อนข้างอับมาก ที่บ้านจะมีเเค่แม่ของปู่เฉลิมเท่านั้นที่อาศัยอยู่ด้วย เเกชื่อ ยายหอม ..ตกดึกคืนแรกนั้น ย่าเเจ่มนอนหลับ แต่ก็รู้สึกคล้ายๆ เหมือนกับจะตกจากที่สูง จนย่าเเจ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เห็นปู่เฉลิมยังหลับอยู่ข้างๆ ย่าเเจ่มเลยไม่ใส่ใจ คิดว่าคงเพราะนอนต่างที่ พอจะนอนต่อ สายตาก็ดันไปสะดุดกับบานหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท ย่าเเจ่มกำลังจะลุกไปปิด เเต่ว่าอยู่ๆ ก็เห็นมีเเสงสีเเดงวาบลอดผ่านเข้ามา ตอนนั้นเอง ในหัวของย่าเเจ่มก็นึกถึงคำพูดของชาวบ้าน ที่ว่าช่วงนี้มีกระสือออกบ่อย ย่าเเจ่มเริ่มใจเสียเลยรีบนอนลง เเต่สายตายังคงเเอบดูอยู่.. ‘ตึง!’ ย่าเเจ่มตกใจสุดขีด เพราะจู่ๆ หน้าต่างที่เปิดอยู่ ก็ถูกใครบางคนปิดให้สนิทจากด้านนอก! ยิ่งไปกว่านั้น ห้องที่ย่าเเจ่มนอนอยู่มันคือชั้น 2 ของบ้าน! ทำให้ย่าเเจ่มยิ่งมั่นใจว่า ไม่ใช่คนเเน่นอน..

เช้าวันรุ่งขึ้น ย่าเเจ่มเลยเล่าให้ปู่เฉลิมฟัง เเต่กลับโดนต่อว่า ว่าอุปมาอุปไมยไปเอง ย่าเเจ่มเลยไม่เล่าอะไรต่อ.. ช่วงสาย ย่าเเจ่มที่กำลังทำความสะอาดบ้าน ก็เห็นรอยเลือดหยดเป็นดวงตามพื้นกระดานไม้ เเต่ก็คิดในเเง่ดี ว่าอาจจะมีใครไปเหยียบอะไรมาจนได้เเผล.. วันๆ ย่าเเจ่มใช้เวลาอยู่แต่กับบ้าน เเต่ที่น่าสังเกตุคือ เเม่ของปู่เฉลิมไม่ยอมออกมาจากห้องเลย เลยคิดว่าเเกเเก่เเล้ว คงต้องการพักผ่อนเยอะๆ เเต่ก็สงสัยอีกว่า ใจคอจะไม่ลงมากินข้าวกินปลาเลยรึ? ย่าเเจ่มเลยตัดสินใจไปเคาะประตูห้องถาม ‘เเม่ไม่ลงมากินข้าวสักหน่อยหรอจ้ะ เที่ยงเเล้วจ่ะ’ เเล้วก็มีเสียงเบาๆ ตอบกลับมา ‘กูกินเเล้ว มึงกินเถอะ’ ย่าเเจ่มเลยไม่บังคับ.. พอตกเย็นวันนั้น ช่วงที่ย่าเเจ่มทำกับข้าวอยู่ ก็ต้องตาโต เพราะยายหอมเดินมาหาในครัว ย่าเเจ่มเลยถาม ‘แม่หิวหรอจ้ะ?’ ยายหอมยิ้มและตอบว่า ‘กูมาช่วยทำกับข้าว..’ แล้วยายหอมก็เดินเข้ามาใกล้ย่าเเจ่ม เท่านั้นเเหละ ย่าเเจ่มได้กลิ่นเหม็นสาบเเรงมากๆ จนคลื่นไส้ ในใจย่าเเจ่มคิดว่า ยายหอมคงขี้เกียจอาบน้ำ ก็ไม่ได้คิดมากอะไร พยายามอยู่ห่างๆ แกไว้

เย็นวันนั้น ก็นั่งกินข้าวกินปลากันพร้อมหน้า 3 คน หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ย่าเเจ่มก็รู้สึกง่วงมาก ง่วงเหมือนจะล้มนอนให้ได้เดี๋ยวนั้น ทั้งที่เวลาเพียงเเค่ทุ่มเศษๆ ย่าแจ่มจึงเข้ามานอน ก็เห็นปู่เฉลิมนอนอยู่ก่อนแล้ว สักพักย่าเเจ่มก็เผลอหลับไป.. จนไปตื่นอีกทีก็เช้าเเล้ว ย่าเเจ่มลุกจากที่นอนเพื่อจะลงไปล้างหน้า เเละทำข้าวเช้า ระหว่างลงบันไดอยู่ ย่าเเจ่มก็ได้กลิ่นเหม็นคาวรุนเเรงมาก คิดในใจว่าใครมาทำอะไรไว้ ถึงได้เหม็นเเบบนี้? พอตกเย็น ยายหอมก็มาช่วยทำกับข้าวเหมือนเดิม พอกินเสร็จ ย่าเเจ่มก็ง่วงนอนมากอีกแล้ว พอนอนตื่นเช้ามา ก็มีกลิ่นเหม็นคาว เป็นแบบนี้ทุกๆ วันติดต่อกันเกือบ 2 อาทิตย์

ย่าเเจ่มเลยออกไปหาเพื่อนๆ เพื่อปรึกษา พอเพื่อนๆ ได้ฟังก็ถึงกับชวนกันไปสำนักเเม่หมอ ที่คนเเถวนั้นเรื่องลือกันว่าเก่งกล้ามาก.. พอเล่าเรื่องราวทั้งหมด เเม่หมอเก็ถามเสียงดุว่า ‘มึงอยู่ไปได้ยังไง?’ ย่าเเจ่มก็ทำหน้างงๆ พร้อมกับถามว่า ‘อะไรหรอจ้ะ ที่ว่าอยู่ได้?’ แม่หมอบอกว่า ‘คืนนี้มึงอย่ากินข้าว อย่ากินน้ำ เเละต้องปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้หมดทุกบาน..’ กลับบ้านไปวันนั้น ย่าเเจ่มลองทำตามที่เเม่หมอบอกทุกอย่างเเบบงงๆ ถึงเวลากินข้าว ก็ทำท่าเคี้ยว เเต่ก็เเอบคายทิ้งลงคันน้ำหมด น้ำก็ไม่กิน หน้าต่างประตูก็ปิดลงกลอนหมดทุกบานก่อนนอน.. ที่น่าเเปลกคือ ย่าเเจ่มไม่มีอาการง่วงแม้เเต่นิด เเต่ก็เข้าไปนอนในมุ้งจนเผลอหลับไป

ตกดึก ‘ตึงๆ’ เสียงดังทำให้ย่าเเจ่มตื่นขึ้นมา และก็ต้องตกใจสุดขีด ภาพที่เห็นคือยายหอมที่มีเเต่หัว พร้อมกับเเสงสีเเดง จนไม่อาจเห็นได้ว่าท่อนล่างคืออะไร กำลังเอาหัวชนหน้าต่างอยู่ดัง ‘ตึงๆๆ’ ไม่หยุด ย่าเเจ่มกลัวจนน้ำตาไหลพราก ขนนี่ลุกไปหมดทั้งตัว ใจก็เต้นเเทบจะหลุดออกมา ย่าเเจ่มไม่รู้จะทำยังไงจึงหันไปปลุกปู่เฉลิม เเต่เขย่าเท่าไหร่ปู่ก็ไม่ตื่น ราวกับหลับเป็นตายยังไงยังงั้นเลย.. ย่าเเจ่มเผลอสะอื้นออกมา จึงทำให้กระสือยายหอมค่อยๆ ลอยมาทางมุ้งเเบบช้าๆ ย่าเเจ่มรีบสวดมนต์ในใจ ในขณะที่กระสือยายหอมก็ลอยวนไปรอบๆ มุ้ง ก่อนจะถามว่า ‘มึงปิดหน้าต่างกูเหรอ?’ แล้วย่าเเจ่มก็สลบไปเลย.. พอเช้ามาย่าเเจ่มรู้สึกตัว ก็รีบย้ายข้าวของกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง เเต่ปู่เฉลิมไม่ยอมมาเพราะห่วงแม่ เรื่องราวในครั้งนั้นทำให้ย่าเเจ่ม กับปู่เฉลิมต้องเลิกรากันไป.. ทุกวันนี้ท่านทั้งหมดในเรื่องก็ได้เสียไปหมดเเล้ว เเต่ในต่างจังหวัด ก็ยังมีข่าวคนเห็นผีกระสืออยู่จนทุกวันนี้ค่ะ

Story by คุณนิ่ม (นามสมมติ)

ความคิดเห็น