เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเจ (นามสมมติ) ครับ คุณเจเล่าว่า.. ย้อนไปประมาณ 4 ปีที่แล้วนะคะ เราอยู่จังหวัดสุรินทร์ ใกล้จะเรียนจบ ม.6 และเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ จำเป็นต้องหางานทำ เพื่อหาเงินค่าเทอมเรียนต่อมหาวิทยาลัย พอดีมีคนรู้จักแนะนำให้ไปทำงานกับป้าคนหนึ่ง ซึ่งป้าคนนี้เปิดร้านขายอาหารอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี.. แล้วพอถึงเวลา เราก็เดินทางจากบ้านไปยังปราจีนบุรี ไปถึงก็ช่วงมืดแล้ว คือเรามาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของป้าคนนี้ตลอดช่วงทำงานเลยน่ะค่ะ พอเจอป้าแกเราก็ไหว้ แนะนำตัวกันเรียบร้อย ป้าแกก็ดูใจดีนะ พาเราไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ลักษณะบ้านคือเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ทั้งบ้านมีป้าแกอยู่คนเดียวค่ะ ชั้นบนมี 3 ห้องนอน ห้องใหญ่สุดเป็นห้องของป้า ห้องถัดมาเป็นห้องของแม่แกซึ่งเสียไปแล้ว และห้องสุดท้ายเป็นห้องของน้องชายป้า ซึ่งไม่ได้อยู่ ป้าเลยให้เราอยู่ห้องของน้องชายแก แต่ป้าแกย้ำว่า ‘ห้ามเคลื่อนย้ายของในห้องนะ และของที่อยู่ในลิ้นชัก ไม่ต้องเปิดดู..’ แล้วแกก็ออกจากห้องไป..

ด้วยความที่เราสงสัย เลยขอเปิดดูนิดนึงว่าในลิ้นชักมีอะไร ปรากฏว่าเป็นพวกเสื้อผ้าข้าวของของน้องชายป้า เราก็เลยปิดไปไม่ได้สนใจอะไร ด้วยความที่เพลียจากการเดินทางไกล เราเลยอาบน้ำแล้วเข้านอนทันที.. กลางดึกคืนนั้น เรานอนหลับๆ ตื่นๆ มันมีความรู้สึกว่ามีคนคอยจ้องมองอยู่ เราพยายามมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร จนไปสะดุดตรงลิ้นชัก.. มันเปิดอยู่! คือเรามั่นใจว่าเราปิดไปแล้วกับมือแน่ๆ ..แล้วจังหวะนั้นเอง ขนลุกซู่ ตัวแข็งเลยค่ะ ถูกผีอำขยับตัวไม่ได้ ทำได้แค่ลืมตามอง.. จากที่ตอนแรกรู้สึกแค่เหมือนมีคนจ้อง คราวนี้มานั่งทับที่หน้าอกเราเลย! เงาดำที่มองไม่เห็นหน้าตา ได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึๆ’ เรานี่สวดเลย นโม พุทโธอะไรมาหมด คิดอย่างเดียวคือเราไม่ได้ทำร้ายใคร เราไม่ได้มาลบหลู่ใคร เรามาทำงาน เกร็งสู้อยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้.. ตื่นอีกทีตอนป้ามาเคาะประตูตอนตี 5 เพื่อที่จะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด พอตื่นมาปรากฏว่าลิ้นชักปิดอยู่.. เรางงมาก ไม่รู้ฝันหรือจริง เลยลองถามป้าดูเรื่องน้องชายแก ตอนแรกป้าเหมือนจะไม่เล่า แต่พอเราเล่าถึงเหตุการณ์ที่เจอเมื่อคืน ป้าแกก็อึ้งไปสักพัก และตัดสินใจเล่าให้เราฟังว่า ‘น้องชายป้าเสียแล้ว จากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีก่อน น้องป้าเป็นคนหวงของมาก เสื้อผ้าบางส่วนก็เผาให้ไปแล้ว แต่บางส่วนแม่ป้าขอให้เก็บเอาไว้ดูต่างหน้า เพราะทำใจไม่ได้ แต่แล้วแม่ก็จากไปด้วยโรคประจำตัว..’ คือตอนนั้นเราหลอนมากอะ ที่ให้นอนคือห้องน้องชายแกที่เสียไป แล้วคือนอนเตียงแก ข้าวของแกก็ยังอยู่ในห้อง.. หลังจากวันนั้นก็จุดธุปขอขมา ต่างๆ นาๆ กันไป ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่เราก็ยังต้องอยู่ห้องนี้ไปอีกหลายวัน.. แล้วหลังจากนั้นก็มีพี่ชายที่เราสนิท มาสมัครเป็นคนส่งของด้วย เราก็เลยไม่ค่อยกลัว แต่มันยังไม่จบแค่นั้นค่ะ..

มีวันหนึ่ง ป้าพาเรากับพี่ชายไปบ้านอีกหลังที่กรุงเทพฯ อยู่นอกเมืองหน่อย คือพวกเราเป็นลูกจ้างแก แกพาไปไหนเราก็ไปหมด.. ช่วงนั้นเป็นหน้าหนาวพอดี ทำให้มืดเร็ว พอไปถึงหมู่บ้าน ประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ภาพที่เห็นคือ มันช่างเงียบสงัดเหลือเกิน 2 ข้างทางมีแต่บ้านร้าง แต่พอเข้าไปในตัวหมู่บ้านค่อยมีคนอยู่บ้าง.. พอถึงบ้านป้า ป้าก็พาเราขึ้นไปห้องข้างบน ซึ่งเป็นห้องของลูกสาวป้าแก แต่ลูกสาวแกเรียนมหาวิทยาลัย และน่าจะไปเช่าหออยู่ใกล้ๆ เราเลยได้นอนห้องลูกสาวแก นอนกับพี่ชายอีกคนด้วย คือเรานอนเตียง พี่ชายนอนพื้น ในห้องจะมีประตูที่สามารถเปิดไปที่ระเบียงข้างนอกได้.. คืนนั้นเป็นอีกคืนที่เรารู้สึกผิดปกติค่ะ รู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด พอลืมตาขึ้นมาดู อีกแล้ว! เจออีกแล้วค่ะ คราวนี้เป็นผู้หญิงใส่ชุดไทย มีชฎา หน้าขาวๆ ยืนอยู่ตรงปลายดท้าที่พี่ชายนอนเลย เราตกใจสุดขีด แต่ทำได้อย่างเดียวคือ เอาผ้าห่มคลุมโปงไว้ กลัวเธอจะเห็น คิดในใจเอาไงดีล่ะ? เราแง้มผ้าห่ม แล้วหลี่ตามองท่ามกลางแสงไฟสลัว ชัดเลยค่ะ เธอยืนบนหน้าอกพี่ชายเราเลย!

ครั้งนี้เราสวดจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวเลย สวดไปสั่นไป แต่รู้สึกได้เองเลยว่าเธอเปลี่ยนจากพี่ชายมาหาเราแทนแล้ว คือรำเลยค่ะ รำมาเลย! เราตัดสินใจลุกวิ่งไปเปิดไฟ พอเปิดไฟก็หายไปแล้ว.. เราปลุกพี่ชายให้ตื่น เหงื่อพี่นี่ท่วมตัวเลย พอพี่ได้สติ ก็เล่าให้เราฟังว่า ‘ฝันเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยนางรำ มาบอกให้ไปอยู่เป็นเพื่อน..’ เรายิ่งมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองละ เราก็เล่าให้พี่ชายฟังบ้าง แล้วก็พากันสวดมนต์ นอนต่อแบบหวั่นๆ.. พอเช้ามาเราตื่นนอนออกไปสูดอากาศข้างนอกระเบียง ถึงกับตกใจเลยค่ะ คือมีศาลอยู่นอกระเบียงชั้น 2 และที่ตกใจหนักกว่านั้น คือมีรูปปั้นนางรำอยู่ที่ศาลด้วย! เรามองหน้ากันกับพี่ชาย แล้ววิ่งลงมาหาป้าเลยค่ะ ถามป้าว่า ทำไมถึงมีศาลอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 คะ? ..ป้าเลยเล่าว่า เจ้าที่ที่นี่แรง ใครมีเซ้นส์แรงๆ เจอกันหมด ลูกสาวป้าก็ยังไม่ค่อยกล้ากลับมาอยู่เลย..

Story by คุณเจ (นามสมมติ)

ความคิดเห็น