เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณวุ้นเส้นครับ คุณวุ้นเส้นเล่าว่า.. ตอนเราอายุประมาณ 20 กว่าๆ ในกลุ่มของเราสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จะมีรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อพี่นุ่น เป็นหัวหน้าแก๊งค์สาวๆ ออกจะห้าวๆ พูดจาแรงๆ และชอบเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องต่างๆ พาเด็กเสียคน พาเด็กหนีออกจากบ้านอะไรทำนองนั้น

มีอยู่คืนหนึ่ง เป็นวันเกิดพี่นุ่น พี่นุ่นก็ขับรถพาน้องๆ มาเลี้ยงวันเกิดที่แถวพระราม 3 เป็นกึ่งผับกึ่งร้านอาหาร จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ.. กินดื่มไปกึ่มๆ สักพักประมาณ 3 ทุ่ม พี่นุ่นเกิดอยากไปต่อที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ก็เลยขับรถพาน้องๆ ไปต่อกัน พอออกไปถึงตรงสี่แยกใต้ทางด่วน เป็นสี่แยกที่เลยเซ็นทรัลพระราม 3 มา เพื่อจะเลี้ยวขวาไปโรงเบียร์ฯ กำลังติดไฟแดงกันอยู่ ตอนนั้นเป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าละ สมัยก่อนแถวนั้นก็เริ่มเงียบละค่ะ และด้วยอาการเหล้าเข้าปากเลยออกฤทธิ์หรือยังไงไม่ทราบ พี่นุ่นจากที่ปากเสียอยู่แล้ว ก็จัดมาเต็มเลยล่ะค่ะ..

ตอนนั้นพวกเราเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงวัยรุ่น ผมสั้นประมาณติ่งหู สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ถือพวงมาลัยเดินไปเดินมาอยู่ริมถนน หน้าตาเหมือนไม่เต็มใจจะขายเท่าไร อารมณ์ประมาณว่าขายได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน คือไม่เคาะกระจกเรียก ไม่ชูพวงมาลัยอะไรทั้งนั้น.. เพื่อนเราคนหนึ่งก็ทักขึ้นมาว่า ‘ดึกป่านนี้ใครมันจะมาซื้อวะ? แล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากขาย คงขายได้หรอก..’ เราก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ เออๆ อืมๆ ตามน้ำไป ..แต่พี่นุ่น ด้วยความที่เมาอยู่พอตัว ก็ทักขึ้นมาว่า ‘ขายอะไรของมันวะ เดินเกะกะ เดี๋ยวก็ชนแม่งซะดีมะ?’ แล้วพี่นุ่นก็เพ่งตามองดีๆ แล้วบอกว่า ‘ดึกป่านนี้ยังมาขายล็อตเตอรี่ มันจะออกแล้วเหรอไงวะ? ..ขายล็อตเตอรี่มันรายได้ไม่ค่อยดี ขายหอยดีกว่ามั้ยน้อง’ แล้วพี่นุ่นก็หัวเราะชอบใจใหญ่.. จังหวะไฟเขียวพอดี เราก็เขย่าพี่นุ่นจากเบาะหลัง ว่าให้ออกรถไปได้แล้ว..

พอไปถึงโรงเบียร์ฯ ก็กินดื่มกันต่อตามปกติจนถึงเที่ยงคืนกว่า พี่นุ่นก็อาสาจะไปส่งน้องๆ ให้ถึงบ้านทุกคน.. ก็ไล่ไปทีละคน จนพี่นุ่นมาส่งเราถึงบ้านเป็นคนสุดท้ายค่ะ.. แต่หลังจากเราเข้าบ้านมาได้ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พี่นุ่นก็ขับรถกลับมาอีกรอบ มากดกริ่งซะบ้านแทบพัง เราที่กำลังอาบน้ำอยู่ก็ต้องรีบกระโจมอกลงมาเปิดประตูให้ แล้วพี่นุ่นก็หน้าตาตื่นวิ่งเข้าบ้านเรามาเฉยเลย ไม่ถามสักคำว่าให้เข้าได้ไหม พอเข้ามาก็ตัวสั่นๆ เหงื่องี้ท่วมเลย.. เราก็งง รีบปิดบ้านแล้วถามไปว่า ‘ไปชนใครแล้วหนีมาป่ะเนี่ย?’ พี่นุ่นก็บอกว่า ‘กูขอไปเล่าที่ห้องพระได้ไหม บ้านมึงมีห้องพระไหม? เราก็ว่ามันแปลกๆ ละ แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วมาคุยตอนตีหนึ่งกว่าอีกนะ

เราพาพี่นุ่นเข้าห้องพระ พี่นุ่นก็นั่งนิ่งทำใจอยู่สักพัก ก่อนจะเล่าว่า.. ‘กูขับรถส่งมึงเป็นคนสุดท้ายใช่ไหม แล้วบ้านกูต้องไปทางคลองเตย ต้องผ่านสี่แยกที่มึงเห็นเด็กขายล็อตเตอรี่ จำได้ไหม?’ เราก็บอก ‘อืม จำได้.. อย่าบอกนะว่าชนน้องคนนั้น!?’ พี่นุ่นบอก ‘กูไม่ได้ชน ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น! ตอนติดไฟแดง น้องมันเดินมาเคาะกระจกรถกู กูโบกมือไล่บอกไม่เอาๆ มันก็เคาะอยู่นั่นแหละ มันเอากำปั้นทุบเลย ทุบซะแรง กูก็กลัวกระจกแตก เลยลดกระจกลงมา แล้วด่ามันไปชุดนึง..’ เราก็ถามต่อ ‘เออ.. แล้วมันทำร้ายร่างกายเหรอ?’ พี่นุ่นบอกว่า ‘เปล่า.. มันตะโกนใส่หน้ากูบอกว่า กูขายพวงมาลัย ไม่ได้ขายล็อตเตอรี่! แล้วน้องมันยื่นมือเข้ามาแล้วบอกว่า แหกตาดู! เนี่ยพวงมาลัย ตอนนั้นกูรู้สึกว่าทำไมแขนมันรูปทรงแปลกๆ กูเริ่มใจไม่ดีละ ก็เลยตอบ จ่ะๆ ส่งๆ ไป แล้วปิดกระจก พอน้องมันก็เดินไปเท่านั้นแหละ กูขับรถสวนเลนกลับทางเดิมเลย!’

คือพี่นุ่นบอกว่า ‘ตอนน้องคนนั้นเดินไปทางหน้ารถกู น้องเขาเดินแบบถอยหลัง.. ไม่ใช่สิ เดินหน้าอะถูกแล้ว แต่ว่าหัวแม่งไม่ยอมหันกลับไป! หน้าแม่งยังจ้องมาทางกูตลอด พร้อมกับชูพวงมาลัยให้ดู แล้วเดินผ่านสี่แยกไป..’ เราฟังไปคิดภาพตามไปนี่ขนลุกเลยค่ะ พี่นุ่นบอกอีกว่า ‘กูขับตีซ้ายออกขวามั่วไปหมด กลัวแม่งจะตาม กลัวจะเจออยู่เบาะหลัง คิดแต่ว่าต้องกลับมาหามึงให้ไวที่สุด’ สุดท้ายคืนนั้นก็นอนเบียดกันในห้องเรา คืนนั้นเราก็คิดๆ อยู่ว่าพี่นุ่นแกคงเมามากจนหลอน แต่เอาจริงๆ จำได้ว่าตอนที่พวกเราคุยว่าน้องเขาขายอะไร เราคุยกันในรถ ซึ่งไม่มีใครได้ยินแน่ๆ และก็ไม่ได้มีใครแก้ความเข้าใจผิดให้พี่นุ่นด้วย ว่าน้องเขาขายพวงมาลัย ไม่ใช่ล็อตเตอรี่..

Story by คุณวุ้นเส้น

ความคิดเห็น