เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณฝนครับ คุณฝนเล่าว่า.. สมัยเด็กฝนเคยป่วยเป็นโรคปอดบวม เข้าโรงพยาบาล แล้วก็เสียชีวิตตอนอายุ 4 ขวบ ตอนนั้นพ่อแม่ของฝนเสียใจมาก ท่านทำใจไม่ได้ และยังไม่อยากให้ฝนไป พ่อเลยไปบนขอชีวิตฝน จากศาลพระภูมิในโรงพยาบาล เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ ถ้าดวงฝนยังไม่ถึงคาด เมื่อฝนเรียนจบปริญญาตรี พ่อจะให้ฝนบวชชีโกนผมให้เป็นการแก้บน.. ปรากฏว่าฝนฟื้นขึ้นมาจริงๆ ค่ะ.. หลังจากนั้นพ่อก็พาฝนไปผูกข้อมือที่วัดแห่งหนึ่งใน อำเภอชะอวด ทำบุญสะเดาะเคราะห์ตามปกติ แต่วันนั้นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ ได้ทักพ่อกับแม่ของฝนว่า ‘ยกเด็กคนนี้ให้กับคนอื่นไปเสียเถอะนะ ดวงเราเลี้ยงเด็กคนนี้ไม่ได้หรอก หาคนที่ดวงแข็งกว่า เพราะดวงเขาเป็นกาลกิณีกับเรา โอกาสที่เขาจะรอดจนเติบใหญ่มีน้อย..’

จากนั้น พ่อแม่ฝนเลยตามหาคนที่มีดวงถูกกันกับฝน ให้เขาผูกข้อมือรับฝนเป็นลูก.. จนมาเจอยายคนนึงที่จังหวัดสุราษฎ์ธานี ยายคนนี้มีลูกทั้งหมด 9 คน แต่ลูกที่เป็นผู้ชายเสียไปหมด เลี้ยงได้แค่ลูกผู้หญิงเท่านั้น แม่จึงขอให้ยายแกรับฝนไว้เป็นลูกบุญธรรม โดยแม่บอกว่า อาจมีบ้างที่ฝนชอบพูดคนเดียว เหมือนกับกำลังเล่นอยู่กับใครสักคน ชอบพูดคำว่า ‘เดี๋ยวไปๆ ไม่ต้องมาตาม..’ หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ปกติดี จนวันหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน ยายคนนั้นก็ได้เสียชีวิตลง.. ด้วยความกลัวว่าฝนจะเป็นอะไรไป แม่ฝนจึงต้องตามหาคนผูกข้อมือรับฝนเป็นลูกใหม่ ซึ่งครั้งนี้เป็นลุง กับป้าสะใภ้ของฝนเอง ก็เหมือนเดิม ทุกอย่างผ่านไปเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้น 5 ปี ลุง กับป้าฝนก็โดนของค่ะ!

ลุงเหมือนโดนยาสั่ง ซึ่งไม่รู้ว่าใครสั่งไว้ตอนไหน ลุงมีอาการเจ็บปวดอยู่แค่ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็เสีย แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เล็บมือลุงทุกเล็บกลายเป็นสีม่วงคล้ำ และหลุดออกจากเนื้อทุกเล็บ ทุกคนที่ได้ไปดูศพต่างบอกว่าลุงโดนยาสั่ง ก่อนหน้านั้นลุงไม่ได้ป่วยอะไรเลย อยู่ๆ ก็เจ็บปวดไม่มีสาเหตุ แล้วก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล.. หลังจากนั้นอีก 1 ปี ป้าสะใภ้ฝนก็โดนของอีก คือป้านอนอยู่ที่บ้านตอนกลางวัน จู่ๆ ก็มีคนเขวี้ยงตุ๊กตาขี้ผึ้งสีดำเข้ามาในบ้าน ป้าก็เก็บออกไปทิ้ง แต่หลังจากนั้นป้าก็เริ่มป่วย กินข้าวไม่ได้ กินได้แค่น้ำกับนม บางวันก็ไม่กินอะไรเลย จากคนน้ำหนักเกือบ 50 กิโล กลายเป็นเหลือตัวเท่าเด็กอายุ 10 ขวบ นอนผอมแห้งอยู่บนที่นอน ทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องรับบริจาคเลือด และให้เลือดกือบทุกวัน ป้าทนอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน จนเงินทองร่อยหรอ ป้าจึงปรึกษากับฝน และพวกพี่ๆ ลูกของป้า ว่าจะหยุดรับเลือดแล้ว เพราะให้ไปก็เหมือนมีคนมากินต่อ ดูดอยู่ตรงที่หัวเข่า ป้ารู้สึกได้ เก็บเงินเอาไว้เรียนหนังสือกันเถอะ อย่าสิ้นเปลืองกับป้าเลย.. นั่นเหมือนเป็นคำสั่งเสียสุดท้าย อาทิตย์ถัดมาป้าก็จากพวกเราไป ตอนนั้นฝนอายุ 14 แล้ว แต่แม่ฝนก็เหมือนเดิม คือกลัว ยิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา แม่ก็ยิ่งคิดมาก เลยพาฝนกลับไปหาพระองค์เดิมที่เคยทำนายทายทักแม่ไว้ เล่าเรื่องราวให้ฟัง พระองค์นั้นเลยตัดสินใจเอ่ยปากรับฝนเป็นลูกบุญธรรมเสียเอง..

หลังจากนั้นฝนก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นปกติทั่วไป เรียน กิน เที่ยวเล่น ตอนนั้นฝนย้ายไปเรียนที่จังหวัดพัทลุง ต้องเดินทางไป-กลับเอง โดยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนทุกวัน จนมีวันหนึ่ง ตอนนั้นฝนเรียนอยู่ ปวช. ปีสุดท้าย ก็ซ้อนรถเพื่อนกลับบ้านตามปกติ ซ้อนกันมา 3 คน แต่ก่อนที่จะถึงบ้าน อีกแค่ 300 เมตรเท่านั้น มีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งมาชนท้าย เพราะคนขับรถหลับใน ความแรงของรถที่ชน ทำให้ฝนซึ่งซ้อนท้ายสุด กระเด็นลอยไปนอนอยู่บนหน้ากระโปรงรถคันนั้น (อันนี้เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง เพราะฝนไม่รู้สึกตัว) รถพาฝนวิ่งต่อไปอีกประมาณ 100 เมตรถึงจะเบรค พอเบรค ตัวฝนก็หล่นลงจากกระโปรงรถ ไปอยู่ใต้ท้องรถลากไปนิดหน่อย แต่ไม่ถูกล้อทับนะคะ ชาวบ้านแถวนั้นต้องมาช่วยกันลากฝนออกมาจากใต้ท้องรถ และเหตุการณ์ประหลาด เริ่มขึ้นตรงนี้ค่ะ..

ฝนกำลังยืนมองตัวเองอยู่ตรงนั้น! เห็นแม่วิ่งมาจากบ้าน รองเท้าไม่ใส่ เห็นแม่กอดฝนจากข้างหลัง สภาพฝนผมตรงกลางหลุดหมด ใบหน้าอาบเลือด มีแผลเต็มไปหมด ฝนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง.. ฝนยืนมองอยู่แค่ไม่นาน ก็มีผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีฟ้า นุ่งผ้าถุงลายดอกเดินมาหา เขาจับมือฝนแล้วพยักหน้า โดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ฝนรับรู้ได้เอง เหมือนเขาพูดว่า ‘ไปเถอะ.. ถึงเวลาแล้ว’ ฝนเดินตามเขาไปเรื่อยๆ เดินบนสะพานไม้ ข้างหน้าเป็นภูเขา ทุ่งหญ้า แล้วก็ได้ยินเสียงพ่อเรียก ตอนแรกมันเบามาก เหมือนแว่วมาแต่ไกลจากที่ไหนสักแห่ง จนพ่อเรียกดังขึ้นเรื่อยๆ ฝนจึงสะบัดมือจากเขาคนนั้น แล้วบอกว่า ‘ไม่ไปแล้ว พ่อเรียก’ แล้วฝนก็หันหลังกลับ

มารู้สึกตัวอีกที คือนอนอยู่ในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เห็นหมอ พยาบาลวุ่นวายไปหมด คำแรกที่ได้ยินหมอพูดคือ ‘ฟื้นได้ยังไงกันนะ?’ แล้วทำหน้าตกใจมาก ตอนนั้นฝนมองหาแม่ คำถามแรกที่ถามแม่คือ ‘แม่ พระฝนอยู่ไหน?’ คือฝนจะมีสร้อยพระหลวงปู่ทวดที่แขวนติดตัวตลอด แม่ก็บอกว่ายังอยู่ที่คอ หลวงปู่ยังอยู่กับฝน แค่นั้นฝนก็หลับไป.. จากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้ฝนเกือบเป็นอัมพาต คือลุกเดินเองไม่ได้ จะทำอะไรไปไหน พ่อต้องอุ้มฝนไปตลอด แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ ทรมานมาก แต่ก็คิดในใจเสมอว่า เราจะต้องกลับมาเดินได้ปกติอีกครั้ง พ่อพาฝนไปนวดน้ำมันโบราณทุกเช้า-เย็น จนผ่านไปแค่ 2 เดือน ฝนก็กลับมาเดินได้ปกติ ได้กลับไปเรียนหนังสือ และวันหนึ่งฝนได้เล่าเรื่องที่เจอผู้หญิงแก่คนนั้น ให้แม่ฟังด้วย แม่ก็เลยถามว่า ‘ยายแต่งตัวยังไง?’ ฝนบอกแม่ว่า ‘ใส่เสื้อคอกระเช้าสีฟ้า นุ่งผ้าถุงลายดอก’ แม่ฝนเงียบไป และบอกฝนว่า ‘นั่นคือชุดสุดท้าย ที่แม่บุญธรรมคนแรกของฝนใส่นอนในโลง..’

Story by คุณฝน

ความคิดเห็น