เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณพอย เกิดขึ้นกับตัวคุณพอยเองเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คุณพอยเล่าว่า.. บ้านพอยอยู่แถวบางพลี วันที่เกิดเรื่อง เป็นวันที่นัดเพื่อนๆ มากินเลี้ยงกันที่บ้านค่ะ พอยเองเป็นคนไม่แตะต้องของมึนเมาทุกชนิดเลย พวกเรากินกันตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึงเที่ยงคืนได้ พอยอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเพื่อน 2 คนที่บ้าน เพราะเพื่อนพอยเมากัน บ้านเพื่อนพอยคนนึงจะอยู่ใกล้ๆ กับ ม.หัวเฉียว โดยพอยจะไปส่งเพื่อนคนที่อยู่ไกลก่อน แล้วค่อยส่งเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้บ้านพอยต่อ เพราะตอนนั้นดึกแล้ว เลยอยากมีเพื่อนไปด้วย อุ่นใจกว่า..

ขาไปเนี่ยพอยไปทางปกติ ก็ส่งเพื่อนคนนึงถึงบ้านเรียบร้อย.. พอยก็ขี่กลับจะไปส่งบ้านเพื่อนอีกคน ตอนนั้นดูท่าว่าฝนกำลังจะตก พอยเลยเลือกที่จะไปอีกทางหนึ่ง ที่เป็นทางลัดใกล้กว่า แต่เส้นทางนี้พอยรู้อยู่แก่ใจ ว่าทางมันเปลี่ยวไม่ปลอดภัย เค้าเรียกกันว่าคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ คนแถวนี้จะรู้ประวัติที่นี่ดีค่ะ ลักษณะเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลางถนน มีเสาไฟตรงเกาะกลาง แต่ไฟไม่ติด ข้างทางเป็นป่าบ้าง โรงงานบ้าง แต่อยู่ห่างกัน บ้านคนก็มีไม่กี่หลัง แล้วก็จะเป็นป่ายาวๆ เลย.. แต่ตอนนั้นพอยก็ยอมใจกล้าเพราะกลัวฝนตก

พอยขี่เข้ามาจากถนนบางนา ไปเส้นเทพารักษ์ ทั้งถนนมีแค่มอเตอร์ไซค์พอยคันเดียวเลยค่ะ บรรยากาศเย็นๆ หนาวๆ แบบบอกไม่ถูกเลย พอยจะเป็นคนขี่ความเร็วไม่เกิน 60 นะ แต่ตอนนั้น อยู่ดีๆ เครื่องก็เร่งเร็วขึ้นเอง ทั้งๆ ที่เข็มไมล์ก็ยังอยู่ที่ 60 พอยทั้งงง ทั้งตกใจ กลัวรถเสียหลัก.. แล้วก็เหมือนมีอะไรดลใจให้พอยมองไปตรงเกาะกลางถนน ที่ใต้เสาไฟเห็นเป็นเงาคน เหมือนผู้หญิงผมยาวยืนมองมาที่พอย ตอนนั้นไม่ได้ตาฝาด หรือเมาแน่ๆ พอยมั่นใจมาก และเค้าหันตัวมองตามรถพอยตลอด จนรถวิ่งผ่านหน้าเค้าไป พอยมองกระจกหลัง กลับไม่มีใครที่เสา! แล้วตอนนั้นเองรถก็ตกหลุม แรงมาก ความรู้สึกคือหลุมต้องใหญ่มาก ขนาดที่เพื่อนที่ซ้อนมากับเรา ตัวร่วงไปครึ่งตัวแล้ว แต่ก็ยังจับพอยไว้แน่นมาก พอยก็จับรถแน่นเลย หวิดจะล้มแต่ไม่ล้ม เรียกว่าเฉียดตายได้เลย! พอทรงตัวได้รถก็เกิดดับ.. ดับกลางถนนมืดๆ นั้นเลย ไฟทางไม่ติดสักดวง

ตอนนั้นเพื่อนพอยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว พอยพยายามสตาร์ทรถยังไงก็ไม่ติด บิดกุญแจไปมาก็แล้ว มองหาบ้านคนก็ไม่มีเลย มืดไปหมด.. พอยกับเพื่อนก็ค่อยๆ เข็นรถไปเรื่อยๆ ใช้ไฟจากมือถือ แต่ก็ไม่เจอใครเลย ระหว่างที่เดินไปนั้น เพื่อนพอยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินร้องไห้ไม่พูดอะไร พอยเองก็ใจเสีย ตอนนั้นกลัวมากๆ ในใจนึกถึงแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายให้ช่วยหนูด้วย.. เดินสักพัก พอยลองสตาร์ทรถอีกที รถติดแล้ว! เลยรีบขี่ออกจากตรงนั้นเลย แต่แปลกมากที่ขี่ไปได้แค่ไม่เกิน 100 เมตร ก็ได้เจอบ้านคน เจอถนนใหญ่ เจอแสงไฟจากถนน พอยงงมาก ว่าแล้วเมื่อกี้ที่มองมาทำไมมันมีแต่ถนนที่ทอดยาวมืดสนิท ไม่มีแสงไฟจากอะไรเลย?

พอยรีบส่งเพื่อน และกลับบ้านทันที.. ตื่นเช้ามาพอยเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง และขอให้แม่พาไปถนนเส้นนั้นอีกครั้ง เพราะอยากรู้ว่าเมื่อคืนรถตกหลุมอะไร ช่วงบ่ายแม่กับพี่พาพอยขับรถไปดูถนนตรงนั้น แต่ดูอย่างดีทั้งเส้นก็ไม่มีหลุมอะไรเลย ทั้งขาไป และขากลับ ไม่มีแม้แต่รอยของหลุม หรือรอยซ่อมหลุม!? พอยก็ได้แต่สงสัยอยู่จนถึงทุกวันนี้

จนวันนึงพอยได้คุยกับเพื่อนที่ซ้อนมาด้วยกันเมื่อคืน เล่าถึงเหตุการณ์คืนนั้น เพื่อนพอยก็เล่าไปร้องไห้ไปว่า ‘คืนนั้น ตอนรถดับ เราเห็นมีผู้หญิงคนนึงเดินอยู่ข้างหลังพอยตลอด และเค้าเอามือปิดตาพอยไว้! เราไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนั้นก็กลัวมากๆ แล้วสักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเฉยๆ..’ พอพอยได้ยินอย่างนั้น ขนลุกเลยค่ะ.. มันเหมือนที่เค้าเรียกกันว่า ‘ผีบังตา’ ยังไงยังงั้นเลย..

ตั้งแต่นั้นมาพอยกับเพื่อนก็ไม่เคยไปทางนั้นอีกเลย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน พอลองค้นข่าวก็เจอว่ามีคดีฆ่าข่มขืนผู้หญิงตรงแถวนั้น และเมื่อไม่นานมานี้เอง ก็มีคดีฆ่าปาดคอสาวผมแดงตรงข้างทางถนนเส้นนั้น.. เค้าจะรู้จักกันในชื่อว่า ‘4 เลน’

Story by คุณพอย

ความคิดเห็น