เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรม ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่เรารู้จักกันว่า ‘ตุลามหาวิปโยค’ หรือ ‘วันฆ่านกพิราบ’ ขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังชุมนุมประท้วง เพื่อยื่นข้อเรียกร้องทางการเมือง ทันใดนั้นก็มีเหล่าทหาร ตำรวจจำนวนมาก บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อระดมยิง และเผานักศึกษาทั้งเป็น อย่างโหดเหี้ยมนับร้อยศพ..

มีเรื่องเล่าว่า นักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงอยู่ ต่างพากันวิ่งหลบหนีไปตามส่วนต่างๆ ของมหาวิทยาลัย และมีนักศึกษากลุ่มหนึ่ง หลบหนีเข้าไปอยู่ในลิฟท์ของตึกคณะศิลปศาสตร์ โดยหวังว่าจะหลบหนีเอาชีวิตรอดไปที่ชั้นอื่น แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้น.. เพราะทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด พวกทหารก็กระหน่ำยิงเข้ามาในลิฟท์อย่างทารุณ จนเสียชีวิตทั้งหมด โดยที่ภายในลิฟท์นั้น ถูกฉาบไปด้วยสีแดงฉาน ของคราบเลือดผู้เสียชีวิต..

ภายหลังที่เหตุการณ์สงบ ก็ได้มีการบูรณะมหาวิทยาลัย แต่คราบเลือดในลิฟท์ตัวนั้น ล้างอย่างไรก็ไม่ออก! สุดท้ายจึงต้องทาสีแดงทับลงไป จนภายหลังถูกเรียกว่า ‘ลิฟท์แดง’

จากนั้นก็เริ่มมีเสียงเล่าลือ ถึงความสยองขวัญของลิฟท์ตัวนี้ ทั้งนักศึกษา นักการ และอาจารย์ ต่างเคยสัมผัสเหตุชวนขนลุกกันมาแล้ว เช่น บางคนเข้าไปในลิฟต์คนเดียว จากนั้นไม่นาน พอมองเงาสะท้อนของประตู ก็เห็นคนอยู่ในลิฟท์ด้วยเต็มไปหมด.. บางคนกำลังขึ้นลิฟท์ ก็มีนักศึกษาหญิงเดินเข้ามา และพอประตูปิด ร่างของเธอก็เปลี่ยนเป็นโชกไปด้วยเลือดภายในพริบตา.. หรือบางครั้ง ลิฟท์ก็แจ้งน้ำหนักเกิน แบบไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆ ที่ขึ้นลิฟท์กันมาแค่ 2 คน..

เมื่อหลายปีก่อน นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 คนหนึ่งเล่าว่า ตอนเย็นๆ จะไม่มีใครกล้าขึ้นลิฟท์แดงคนเดียว เพราะขึ้นชื่อว่าหลอนมาก และในช่วงตอนเย็นๆ ก็จะไม่มีใครกล้าเดินผ่านลิฟท์แดงเลยด้วยซ้ำ ยิ่งตอนที่ประตูลิฟท์เปิดค้างไว้ จะไม่มีใครกล้ามองเข้าไป เพราะเคยมีคนเล่าว่า เคยมองเข้าไปเห็นภาพศพจมกองเลือด นอนทับๆ กันอยู่ในลิฟท์เป็นตั้งๆ เลย ได้ยินแล้วก็เสียวสันหลังมาก..

ปัจจุบัน ‘ลิฟท์แดง’ ตัวนั้นถูกถอดออกไปนานแล้ว เพราะมีสภาพผุพัง และได้นำลิฟท์ตัวใหม่มาแทนที่ อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัย ยังคงเก็บประตูของลิฟท์แดงเอาไว้ โดยนำไปตั้งที่ชั้น 5 ของคณะศิลปศาสตร์ เหมือนกับเพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความสูญเสีย ของเหล่านักศึกษาผู้บริสุทธิ์ ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงสืบต่อไป..

R I P แด่ผู้เสียชีวิตทั้งหลาย ในเหตุการณ์ตุลามหาวิปโยค 2519

Story by เรื่องเล่าปากต่อปาก..
Credit to มหาลัยสยองขวัญ

ความคิดเห็น