เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณแอ๊บ ซึ่งมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตส (Cabin crew) ประจำสายการบินหนึ่ง.. และในวันนึง ซึ่งคุณแอ๊บมีไฟลท์บินไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นไฟลท์ยาว แถมยังเป็นกลางคืน ผู้โดยสารก็หลับกันหมดแล้ว บรรยากาศท้องฟ้ามืด คืนนั้นนึกยังไงไม่ทราบ แอร์ และสจ๊วต ทั้งไทย ฝรั่งก็มานั่งเล่าเรื่องผีกัน โดยเป็นประสบการณ์ ที่แต่ละคนเคยพบเจอมาเอง หรือเคยได้ยินมา เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการบินทั้งสิ้น คุณแอ๊บได้เล่าสิ่งที่ฟังคืนนั้นว่า..

เรื่องที่ 1
พี่แอร์ชาวไทยวัยซีเนียร์ เริ่มเล่าก่อน เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมา ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่เคยอยู่วงการนี้ น่าจะเคยได้ยินมาก่อน .. มีอยู่ไฟลท์นึง น่าจะเป็นไฟลท์ไปออสเตรเลีย (ขออนุญาตไม่ระบุสายการบิน) แอร์ และสจ๊วต เวลาทำงานเสร็จ ก็จะมาพัก นั่งเม้าท์มอย เหมือนที่พวกเราทำกันอยู่นี่ละ อยู่ดีๆ ก็มีคุณป้าฝรั่ง เดินมาที่หลังแกลี่ มาตามหาสามีของแก แล้วก็ถามพวกลูกเรือว่า ‘เห็นสามีฉันไหม?’ ป้าแกก็บรรยายไป ใส่เสื้อนี้ กางเกงสีนั้น นั่งที่นั่งตรงนี้ๆๆ น้องแอร์คนหนึ่งจำได้ ก็เลยตอบไปว่า ‘อ้อ คุณลุงเข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ..’ สักพัก คุณป้าก็พูดว่า ‘ฝากบอกสามีฉันได้ไหม ว่าฉันมาหา ฝาก Say Hi ด้วยนะ..’ บรรดาแอร์ และสจ๊วต ต่างก็งง ‘เอ๊ะ? ก็สามีภรรยากัน มาด้วยกัน ทำไมต้องมาฝากบอก บอกเองไม่ได้รึ?’ แต่ก็รับคำมา ไม่ได้คิดอะไรมาก.. จนเมื่อคุณลุงออกมาจากห้องน้ำ น้องแอร์ก็เลยไปบอกข้อความ ที่ภรรยาคุณลุงฝากไว้ แต่คุณลุงกลับหน้าเสีย และบอกว่า ‘That’s Impossible! My wife is in the cargo.’ แปลว่า.. เป็นไปไม่ได้ ภรรยาผมน่ะ อยู่ในที่เก็บของใต้เครื่อง! (ภรรยาเป็นศพ ที่โหลดไว้ใต้เครื่อง) ลูกเรือทุกคนก็ได้แต่เงิบ.. แล้วเมื่อกี้ที่เห็นนั่น..

จบเรื่องแรก สจ๊วตฝรั่งอีกคน ก็จองคิวขอเล่าต่อ เรื่องผีๆ ทางฝั่งเราก็มีนะยูว์..

เรื่องที่ 2
ใน Crew bunk (บนเครื่องขนาดใหญ่ จะเป็นที่สำหรับแอร์ และสจ๊วต ไปนอนพักกัน) ซึ่งจะอยู่ด้านล่างที่นั่งผู้โดยสาร ติดกับส่วน Cargo มีวันนึง แอร์ท่านหนึ่งได้เวลาเบรคพอดี เธอเลยเปลี่ยนชุด และเดินลงไปที่ Bunk และอย่างที่รู้กันว่า ในส่วนนี้จะเข้าได้เฉพาะลูกเรือ ห้ามผู้โดยเข้า และที่หน้าประตู จะมีรหัสให้กดก่อน.. แต่วันนั้น คุณแอร์ท่านนั้น กลับเจอผู้โดยสารหญิงคนนึง นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงใน Crew bunk แอร์ท่านั้น เลยรีบพูดออกไปว่า ‘Mam, You are not allowed to…’ (คุณผู้หญิงคะ พื้นที่ตรงนี้ห้าม…) พูดยังไม่ทันจบ ผู้หญิงคนนั้นหันมามองตา แล้วร่างเธอก็ค่อยๆ จางหายไปต่อหน้า ทิ้งให้แอร์ท่านนั้น ขนลุกซู่อยู่คนเดียว.. เท่านั้นล่ะ ไม่พัก ไม่นอนละ รีบวิ่งลูกเดียว ออกมาถาม Purser (หัวหน้าของลูกเรือ) ‘ไฟลท์นี้มีโหลดศพ เป็นผู้หญิงใช่ไหมคะ?’ Purser ก็ตอบมาอย่างสงสัยว่า ‘ใช่ ทำไมถึงรู้ล่ะ?’ จบแค่นั้น..

เรื่องที่ 3
ปกติกรุงเทพฯ นี่ถือเป็น Lay over ที่บรรดา แอร์ และสจ๊วตอยากรีเควสขอ เพราะเป็นดินแดนสวรรค์ แห่งการช้อปปิ้ง จะมีก็แต่ แอร์ชาวอาหรับเพียงคนเดียว ที่เอาแต่ขอแลกไฟลท์กรุงเทพฯ ออก เพราะเธอเล่าว่า.. เคยได้ไฟล์ทถึงเมืองไทยดึกๆ และได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ขณะที่นั่งหวีผม หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ดีๆ  ภาพในกระจกจากหน้าเธอ ก็กลายเป็นผู้หญิงไทย หน้าเละ หวีผม และแสยะยิ้มให้ แล้วยังมีเสียงหัวเราะในคอเบาๆ แอร์ชาวอาหรับตกใจสุดขีด เขวี้ยงหวีใส่กระจกแตก และรีบวิ่งหนีออกไปทันที.. เธอลงไปที่ล็อบบี้ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพื่อจะขอเปลี่ยนห้อง แต่ทางโรงแรมให้คำตอบว่า ‘Mam, ghost can go anywhere.’ คือสรุปง่ายๆ ถ้าคุณเจอผี ถึงเปลี่ยนห้อง ผีก็ยังไปหาคุณได้นั่นล่ะ.. นอกจากนั้น แอร์ท่านนี้ ยังต้องจ่ายค่ากระจกที่ทำแตกอีกต่างหาก.. จากนั้นมา กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นไฟลท์ ที่เธอไม่ขอมาอีก โดยเธอจะขอเปลี่ยนออกตลอด..

Story by Crewabs CabinCrew  www.fb.com/CrewabsCabincrew

ความคิดเห็น