เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจากคุณหมี่เกี๊ยว.. หมี่เกี๊ยวเคยรับงานพริตตี้ และต้องมีออกเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด เพื่อเป็นการประหยัดค่าโรงแรม ออแกไนเซอร์ส่วนมากจะใช้วิธีเดินทางหัวค่ำไปหลับในรถเอา ถึงเช้าอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวก็เริ่มงานได้เลย ขากลับก็เช่นเดียวกัน เข้าโรงแรมแพ็คของ ขึ้นมาหลับบนรถ ถึงกรุงเทพเช้าพอดี..

ครั้งที่เกิดเรื่อง ตอนนั้นเดินทางกลับจากภูเก็ตด้วยรถตู้ เรานั่งหลังคนขับและแง้มม่านไว้.. เวลาประมาณตี 3 กว่า ทุกคนกำลังหลับสนิท จู่ๆ รถก็หยุดกระทันหัน ทุกคนตกใจตื่นกันหมด แต่คนขับรถออกรถอย่างเร็ว บางคนตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แกไม่ยอมตอบ และเหยียบเร็วมาก ประมาณ 150 ได้ หลังจากนั้นทุกคนในรถก็กรี๊ดกันสนั่นแล้วชี้มาทางหน้าต่างข้างที่เราเปิดม่านทิ้งไว้ น้องพริตตี้บางคนกอดกันร้องไห้แบบเสียสติ เราก็หันไปมองนะ แต่ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ

พี่คนขับรถขับมาจนเกือบสว่าง รีบเลี้ยวเข้าวัดเลย ทุกคนลงไปไหว้พระรดน้ำมนต์กันใหญ่ เราก็ตามลงไปแบบงงๆ ถามใครก็ไม่มีใครตอบ

หลายเดือนต่อมาได้มีโอกาสวนมาทำงานกับน้องพริตตี้ 1 ในทริปภูเก็ตครั้งนั้น เลยถามว่าเห็นอะไรกัน..

น้องเล่าว่า หลังจากที่รถเบรคหัวทิ่มก็เลยสะดุ้งตื่น แต่พอพี่คนขับกระชากออกรถอย่างเร็ว สัญชาตญาณมันทำให้ต้องมองออกไปข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น.. ที่น้องเห็นคือ ชายแก่สวมเสื้อผ้ามอมแมมสกปรกวิ่งอยู่ข้างรถ วิ่งแบบไม่เหนื่อย และใช้มือข้างหนึ่งทาบกระจกตรงที่เราเปิดม่านไว้.. เราก็บอกน้องไปว่า แค่คนบ้าวิ่งตามรถเฉยๆ มั้ง แต่น้องมันกลับน้ำตาคลอเบ้า และบอกว่า ‘พี่.. รถมันวิ่งเกือบ 160 เลยนะ ลืมไปแล้วหรอ..’

น้องเล่าต่อว่า วัดที่เราแวะไป มีพระท่านหนึ่งบอกว่า ถนนเส้นนั้นมีคนเก็บขยะถูกรถชนตายตอนตี 3 เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนนั้นนี่เอง.. เราได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ตกใจ และขนนี่ลุกไปหมดทั้งตัวเลย

Story by คุณหมี่เกี๊ยว

ความคิดเห็น